ไม่พบผลการค้นหา
หลังจากตาลีบันเข้ายึดอัฟกานิสถานเมื่อ ส.ค.ปีก่อน กลุ่มกองกำลังติดอาวุธอิสลามดังกล่าวยังคงปกครองประเทศตามกฎหมายอิสลามที่ถูกตีความอย่างเคร่งครัด และสั่งห้ามไม่ให้นักเรียนหญิงเดินทางไปโรงเรียนเพื่อเรียนหนังสือ อย่างไรก็ดี มีรายงานพบว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของตาลีบันหลายรายได้ส่งลูกสาวของตนเองไปเรียนหนังสือในต่างประเทศแทน

Afghanistan Analysts Network (AAN) รายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของตาลีบันหลายรายได้ส่งลูกสาวของตนเองไปศึกษาในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างประเทศ ในขณะที่เด็กหญิงหลายล้านคนในประเทศได้รับผลกระทบจากกฎของตาลีบัน ที่สั่งห้ามไม่ให้พวกเธอไปเรียนหนังสือได้ตามปกติอย่างที่อัฟกานิสถานเคยมีก่อนการยึดครองของตาลีบัน

“ตั้งแต่ทุกคนในประเทศเพื่อนบ้านได้ไปเรียนหนังสือ ลูกของพวกเราก็ต้องการจะกลับเข้าไปเรียนด้วยเช่นกัน” หนึ่งในสมาชิกเจรจาของตาลีบันในโดฮาเมืองหลวงของกาตาร์ เพื่อแสดงเจตจำนงว่าพวกเขาต้องการจะให้ลูกสาวตนเองเดินทางมาเรียนหนังสือในกาตาร์ ในขณะที่โรงเรียนทั่วอัฟกานิสถานถูกปิด และสั่งห้ามไม่ให้เด็กหญิงเดินทางมาเรียนหนังสือ

จากรายงานของ AAN ยังได้ระบุอีกว่า ลูกสาวของรัฐมนตรีในกระทรวงหนึ่งของตาลีบัน และอดีตสมาชิกของสภาผู้นำตาลีบัน กำลังเป็นนักศึกษาแพทย์อยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของกาตาร์ ทั้งนี้ อีกสองสมาชิกตาลีบันเปิดเผยว่า พวกเขาได้ทิ้งลูกสาวของตนเองเอาไว้ที่โดฮา เมื่อพวกเขาต้องเดินทางกลับมายังกรุงคาบูลของอัฟกานิสถาน เพื่อไม่ให้การศึกษาของลูกสาวตนพบกับอุปสรรคด้านการศึกษา

“สมาชิกตาลีบันและครอบครัวที่อาศัยอยู่ที่นี่ (ในกาตาร์) มีความต้องการอย่างชัดเจนสำหรับการศึกษาสมัยใหม่ และไม่ต่อต้านการศึกษาทั้งในเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงในทุกช่วงอายุ” เจ้าหน้าที่ของตาลีบันที่อาศัยอยู่ในกาตาร์ให้สัมภาษณ์กับทาง AAN ทั้งนี้ มีผู้นำตาลีบันบางรายที่หลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกของตนเองเข้าเรียนหลักสูตรที่มี “ความเป็นตะวันตก” ในหลักสูตร และเลือกจะส่งลูกของตนเองไปศึกษาในระบบอิกรา ซึ่งเป็นระบบการเรียนการสอนตามศาสนาในปากีสถาน สถานที่ที่ผู้นำตาลีบันเคยใช้เป็นที่ลี้ภัยกว่า 20 ปีที่ผ่านมา

อัฟกานิสถานกำลังเผชิญหน้ากับภาวะอดอยากหลังจากที่ตาลีบันเข้ายึดอำนาจประเทศ โดยจากรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า เด็กหลายล้านรายกำล้งเผชิญหน้ากับภาวะทุพโภชนา เช่นเดียวกันกับรายงานจากทางสหประชาชาติที่พบว่า ประชาชนอัฟกานิสถานกว่า 97% มีสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่อยู่ต่ำกว่าระดับเส้นความยากจน

นอกจากนี้ ตาลีบันยังได้สั่งห้ามไม่ให้เด็กหญิงที่มีอายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไป สามารถเดินทางไปเรียนหนังสือในโรงเรียนได้ โดยคิดเป็นจำนวนกว่า 2 ใน 3 ของ 34 จังหวัดทั่วประเทศอัฟกานิสถาน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายรายของตาลีบันสั่งห้ามการศึกษาที่มีรากฐานจากตะวันตกมาปะปน และส่งเสริมให้มีการเรียนการสอนตามระบบอิสลาม และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของตาลีบันหลายรายส่งลูกหลานของตนเองเข้าเรียนในระบบการเรียนแบบอิสลามดังกล่าวด้วยเช่นกัน

ในขณะเดียวกัน ผู้นำตาลีบันกำลังวางแนวทางการศึกษาให้แก่ภรรยาคนที่สองของผู้ชายในอัฟกานิสถาน “การศึกษาทำให้พวกเธอมีชีวิตที่ดี พวกเธอจะรู้เรื่องสิทธิของสามีได้ดีขึ้น และจะสามารถฝึกสอนลูกชายและลูกสาวของตนเองได้ดีขึ้น นี่คือเหตุผลว่าทำไมภรรยาที่รู้หนังสือนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นในทุกวันนี้” รัฐมนตรีรายหนึ่งของตาลีบันให้สัมภาษณ์กับ AAN 

ซาบิฮุลเลาะห์ มูจาฮิด โฆษกของตาลีบันให้สัมภาษณ์ว่า ในปีการศึกษาใหม่ เด็กผู้หญิงอัฟกานิสถานจะสามารถเดินทางกลับเข้าโรงเรียนไปเรียนหนังสือได้ในวันที่ 21 มี.ค.ที่จะถึงนี้ ทั้งนี้ หลักสูตรทั้งหมดจะถูกแบ่งแยกกันระหว่างเด็กผู้ชายและผู้หญิง ทั้งนี้ ในวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา 150 มหาวิทลัยรัฐของอัฟกานิสถานเพิ่งสามารถเปิดกลับมาทำการสอนได้อีกครั้งตั้งแต่ ส.ค.ปีก่อน อย่างไรก็ดี มีนักศึกษาหญิงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่เดินทางกลับเข้ามาเรียนเหมือนเดิม

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า หญิงนักรณรงค์สิทธิอย่างน้อย 6 ราย หายตัวไปอย่างลึกลับ ตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา และยังไม่มีใครทราบชะตากรรมของพวกเธอ ทั้งนี้ สหประชาชาติเรียกร้องให้ตาลีบันปล่อยตัวพวกเธอกลับออกมาจากที่จองจำ อย่างไรก็ดี สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในอัฟกานิสถานหลังการเข้ายึดครองของตาลีบันยังคงตกต่ำลงอยู่เรื่อยๆ

ที่มา:

https://www.telegraph.co.uk/global-health/terror-and-security/taliban-sends-daughters-school-despite-closing-classrooms-female/?fbclid=IwAR2es5toPSYGjEgB7oJ_U8SOtz23F5cn8shNyT21Uw-z3gQrSY7MG0T6_sg

https://www.afghanistan-analysts.org/en/aan-in-the-media/taliban-sends-daughters-to-school-despite-closing-classrooms-for-other-female-students/