ประเดิมลงสมัคร ส.ส.สมัยแรก จักรพล ตั้งสุทธิธรรม สามารถกวาดแลนด์สไลด์ 64,040 เสียง สูงที่สุดในพรรคเพื่อไทย ได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้แทนสมัยแรกเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25
เป็นผู้แทนราษฎรมาเกือบ 4 ปีกว่า เหลือเวลาไม่ถึง 180 วันที่สภาฯ ชุดปัจจุบันจะครบวาระในวันที่ 23 มี.ค. 2566
แม้การคาดการณ์ภายในพรรคเพื่อไทยจะมองว่าสภาฯ จะอยู่ไม่ครบวาระ 4 ปีเต็ม เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ ยุบสภาฯ ในช่วงต้นปี 2566 เพื่อเปิดทางให้ ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สามารถย้ายเข้าสังกัดพรรคการเมืองใหม่ได้ทันภายใน 30 วันก่อนถึงวันเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่
ศึกเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้น ท็อป-จักรพล ได้โยกสลับเขตแต่ไม่ย้ายขั้วทางการเมือง มาลงเขตเลือกตั้งที่ 1 อ.เมือง ขณะที่ ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ เขต 1 พรรคเพื่อไทย จะไปลงในเขตเลือกตั้งของ 'จักรพล' คือ อ.สันกำแพง อ.แม่ออน อ.ดอยสะเก็ด
จ.เชียงใหม่ การเลือกตั้งครั้งที่จะถึง มี 11 เขตเลือกตั้ง เพราะจากการแบ่งเขตใหม่ ด้วยกติกากำหนดให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ มี ส.ส.เขต 400 เขต บัญชีรายชื่อ 100 คน ทำให้พรรคเพื่อไทย ประกาศต้องแลนด์สไลด์ยกจังหวัด 11 เขต และตั้งเป้ากวาด ส.ส.ภาคเหนือตอนบนให้หมดทั้งภูมิภาค
เดินสู่เป้าหมายมี ส.ส.ในสภาฯ 253 บวกขึ้นไป
ก่อนที่ จักรพล คนเชียงใหม่โดยกำเนิด ก่อนจะคว้าเก้าอี้ผู้แทนราษฎรจากคนเชียงใหม่ ก่อนจะเข้าวงการการเมือง เป็นนักธุรกิจอยู่ที่ จ.เชียงใหม่
ด้วยการศึกษาจบการศึกษาจากโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ ปริญญาตรีบริหารการจัดการ ม.พายัพ เริ่มฝึกงาน ที่ อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ โรงงานผลไม้ของบิดา เพื่อศึกษาราคาพืชผลทางการเกษตร
จากนั้นได้ศึกษาต่อปริญญาโทบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ ม.แคนเทอเบอรี่ไครส์เชิร์ชประเทศอังกฤษ กลับมาประเทศไทยจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำร้านอาหาร ร้านกาแฟ และยังคว้าปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง ม.เชียงใหม่
ประวัติการทำงานเคยผ่านการเป็นประธานสาขาพรรคเพื่อไทย จ.เชียงใหม่ ผู้บริหารเทพพยอมกรุ๊ป (ตลาดต้นพยอม ตลาดเทพมงคล พิงค์คอนโดมิเนียม)
เริ่มต้นงานการเมืองช่วงแรกเป็นคณะทำงานคณะทำงาน ของ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขณะเป็นรองนายกฯ คนที่ 1 ในรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช จนกระทั่ง สมชาย เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 26
ท็อปเล่าจุดเริ่มต้นที่มีความสนใจการเมืองว่า "ตอนแรกคุณพ่อปลูกฝังตั้งแต่เด็กเรื่องการเมือง เวลานั่งกับคุณพ่อจะดูทีวี ข่าวการเมืองกับคุณพ่อ คุณพ่อจะเล่าเรื่องการเมือง แต่คุณพ่อมีเงื่อนไขในเรื่องการศึกษาคุณวุฒิลงเลือกตั้งไม่ได้ จึงอยากให้ลูกๆทุกคนได้เรียนสูงๆ กลับมาพัฒนาบ้านเมืองให้มีส่วนร่วมแก้ไขบ้านเมืองผมก็ไปศึกษา ปริญญาโท ประเทศอังกฤษ กลับมาศึกษาปริญญาโทอีกใบ เศรษฐศาสตร์การเมือง ที่ ม.เชียงใหม่ เพื่อให้ตรงประเด็นมากขึ้น"
เมื่อได้บ่มเพาะประสบการณ์ทางการเมืองระยะหนึ่ง จาการติดตาม นายกฯ สมชาย เวลาตรวจราชการแผ่นดินทั่วประเทศ ทำให้ จักรพล เริ่มรู้สึกว่า การเป็น ส.ส.จะสามารถผลักดันการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้
นอกจากนี้ 'จักรพล' ยังประกาศนโยบายด้านการท่องเที่ยวของเชียงใหม่ ผ่านเวทีครอบครัวพรรคเพื่อไทย ภายใต้ชื่อ ‘สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ’ ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2565 ว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะสร้างเชียงใหม่ให้เป็น City of Wellness หรือเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก โดยจะส่งเสริมยกระดับคุณภาพโรงพยาบาล ลงทุนโครงสร้างคมนาคมทั้งระบบ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและเตรียมพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย
เขายังมั่นใจว่าภายใน 2 ปีจะดึงนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวมากขึ้น 2 เท่าหรือ 2 แสนล้านบาท
Voice Politics นัดสัมภาษณ์พิเศษ 'จักรพล' ที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ย่านนิมมานเหมินทร์ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวนำเงินสร้างรายได้ให้กับจังหวัดมาตลอด
แต่ด้วยสภาวะวิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้น รวมทั้งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องและการวางนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยยังไม่กระเตื้องขึ้น กระทบมาถึง จ.เชียงใหม่ ส่งผลถึงผู้ประกอบการรายย่อยหลายรายต้องล้มหาย
เคราะห์ซ้ำนักท่องเที่ยวยังลดลงอีก ซึ่งสวนทางกับภาระหนี้แผ่นดินของประเทศที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
'จักรพล' จึงเตือนผ่าน 'วอยซ์'ว่า ถ้าการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้ 'เพื่อไทย' ไม่แลนด์สไลด์ ไม่สามารถเปลี่ยนรัฐบาลได้
หากไม่สามารถผลักดันนำนโยบาย 'เพื่อไทย' เข้าไปจัดสรรความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ ประเทศไทยอาจวิกฤตหนักกว่าเดิมจนอยากที่จะผ่าตัดได้
แน่นอนครับ ท่านเป็นอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาผม แน่นอนว่าเวลาเรามีปัญหาอย่างไร และท่านรอบรู้อย่างยิ่ง ท่านเก่งมากไม่ว่าจะเรื่องของนิติศาสตร์ ด้านกฎหมาย ท่านเป็นอาจารย์สอน แล้วก็ในส่วนของการบริหาร หรือการครองใจคนอย่างไร การบริหารองค์กร การทำงานในพื้นที่
ท่านเป็นอดีตนายกฯ ถือว่าป็นตำแหน่งที่สูงสุดในฝ่ายบริหาร เพราะฉะนั้น ด้วยประสบการณ์ขนาดนั้น และผมทำงานอยู่กับท่านมาตลอด 10 กว่าปี ผมเรียนรู้ ผมครูพักลักจำ สิ่งไหนที่ดี สิ่งไหนที่ท่านชี้แนะ ผมทำมาตลอด ผู้ใหญ่ในพรรคคืออาจารย์หมด ปรมาจารย์ระดับนี้อยู่ในสถาบันการเมืองของเรา มีประเด็นตรงไหน ท่านเมตตาในการให้เข้าพบได้ตลอด แล้วก็ชี้แนะในทุกๆ มิตินะครับ อาจารย์ทุกท่านเต็มพรรคเพื่อไทยไปหมดครับตอนนี้
ถ้าทุกคนได้เดินทางมาเส้นเหนือบน ทางหลวง หมายเลข 118 อันนั้นค้างเติ่งอยู่ 4-5 ปี ทำไม่เสร็จ มีปัญหาระหว่างทำอยู่ตลอด อันนั้นอยู่ อ.ดอยสะเก็ด ที่ผมดูแลอยู่ที่ผมดูตอนนี้คือ อ.สันกำแพง อ.แม่ออน อ.ดอยสะเก็ด ซึ่งตรงนั้นเป็นเส้นทางเศรษฐกิจ คนเดินทางไปมาอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวจีน การขนส่งด้านเกษตร ตรงนั้นสำคัญอย่างยิ่ง เขาก็ค้างเติ่งมา 3 ปี พอเราไปหารือในสภา เสียบปลั๊ก เพิ่มความแรงในการแก้ไขปัญหา ถนนเส้นนั้นสามารถเสร็จภายใน 1 ปีได้ นี่คือความภูมิใจพอสมควร ร่นระยะการเดินทาง จากปกติ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย ใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง ระหว่างก่อสร้าง 5 ชั่วโมง รถพังทลายไปเยอะ คนที่อาศัยอยู่แถวนั้นมีเศษหินกระเด็น เด็กสไลด์ข้างทาง เกิดอุบัติเหตุเกิดเยอะ พอเราเข้ามาจับไปแก้ไขกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมันแล้วเสร็จได้ทันที ย้อนไปถ้าเรามีผู้แทนที่ใส่ใจ บี้ทุุกจุดทุกเรื่องมันเกิดขึ้นได้จริงและทำได้จริง
อีกผลงานคือ ราคาข้าว ราคาพืชผลที่พยายามติดต่อตลอดให้มีราคาภูมิใจ แต่ที่คาดหวังก็เรื่อง พ.ร.บ.อากาศสะอาด เมื่อเขาตีว่าเป็น พ.ร.บ.การเงิน เหลืออีก 2 กระทรวงจะให้ผ่านหรือไม่
สะท้อนความจริงใจผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ งบฯใชแบบสูญเปล่า ความใส่ใจ ความให้น้ำหนักอากาศสะอาดที่พวกเราต้องหายใจทุกวัน ผมว่าความรุนแรงไม่ต่างจากโควิด-19 ตัวเลขผู้เสียชีวิตสูงกว่าโควิด ถ้ารัฐบาลยังไม่ใส่ใจ ไม่ให้ค่า ทางเรายอมทุกอย่างยอมร่างของรัฐบาลก็ได้ เอาของเราไปเปลี่ยนแปลงปรับปรุงนำข้อดีมาใช้ รวมเป็นร่างของรัฐบาล เราก็โอเค อะไรก็ได้ ขอให้ยกระดับทำให้ปัญหานี้เบาบางลง แต่เขาก็ไม่ทำ
80% ของ จ.เชียงใหม่เป็นรายได้จากภาคการท่องเที่ยว 20%เป็นเรื่องเกษตรกร ดังนั้น ราคาพืชผล ลำไย ข้าว ข้าวโพด สหกรณ์โคนมต่างๆ ตอนนี้ราคาตกต่ำมาก ไม่มีการประกันราคา ไม่มีช่วยเหลือส่งเสริมจากภาครัฐ ส่งเสริมเชิงพาณิชย์ให้โตขึ้น ดังนั้นก้อนนี้จำเป็นต้องไปเร่งบูรณาการ อีกก้อนใหญ่ภาคการท่องเที่ยว ถ้าใช้ระบบ 8 ปีที่ผ่านมากินบุญเก่ามาตลอด ไม่มีการสร้างแลนด์มาร์ค ให้นักท่องเที่ยวอยู่กับเรานานๆ
อย่างที่พรรคเพื่อไทยเสนอ งานครอบครัวเพื่อไทย เราต้องการให้ จ.เชียงใหม่ เป็น City of Wellness เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก ดังนั้น สาธารณสุขจะต้องกลับมานำ เรื่องของสุขภาพมาใช้ชีวิตวัยเกษียณ ไม่ได้จับแค่สังคมผู้สูงวัย สังคมคนรุุุ่นใหม่เราต้องพัฒนาเชื่อมโยงรวมกัน โครงสร้างคมนาคมแนวคิดต่างๆ เราเคยเสนอว่าถ้าเราเป็นรัฐบาลจะทำ 1 ตำบล 1 แลนด์มาร์ค สร้างแลนด์มาร์ค จ.เชียงใหม่ ให้คนมาอยู่ จ.เชียงใหม่ มากขึ้น ขยายรายได้ตั้งแต่รากหญ้าขึ้นไปข้างบน รายได้ทั้งหมดจะอยู่ทุกวงการทุกอาชีพ อุตสาหกรรมภาคบริการจะกลับมาโตหมด
ถามถึงปัญหา ของ จ.เชียงใหม่ที่ต้องการเร่งสปีดในการแก้ไข คือเรื่องภาคการท่องเที่ยวที่มีผู้ใช้แรงงานอยู่ในภาคนี้โตที่สุุด และอาชีพที่อยู่กับเรามา ตลอดคือเกษตกร สองสิ่งนี้ต้องเร่งทำไปด้วยกัน และต้องเร่งทำทันที
ถ้ามองภาพใหญ่ งบฯ ต่างๆ งบฯปี 2564-2566 และวิเคราะห์งบฯ ปี 2567 ไม่มีอะไรเอื้อนำพา จ.เชียงใหม่ เป็นกราฟแบบก้าวกระโดดได้ ทุกอย่างใส่กราฟ ดังนั้น ไม่เห็นงบฯหรือเมกะโปรเจคต์ ที่เกิดขึ้นเมื่อไรก็เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้เห็นการเติบโตขึ้นในภาพใหญ่ ส่วน 8 ปีที่ผ่านมา จ.เชียงใหม่เหมือนถูกแช่แข็งอยู่ในช่องฟรีซ ติดลบเยอะสุด เพราะแช่แข็งไม่ให้เติบโต อีเว้นท์ต่างๆไม่โยนเข้ามาเชียงใหม่ เมื่อไม่เกิดการเคลื่อนไหว สิ่งเหล่านี้ก็กระทบหมด
ถ้าลงมาที่เอกชนจับต้องได้ ผู้ประกอบการต่างๆ โรงแรม ร้านอาหาร นวดแผนโบราณ สปา ปางช้างต่างๆ ที่ต่อสู้ดิ้นรนมาหลังพิงฝา ถ้ายังไม่อุ้มชูพัฒนา ถ้ารัฐบาลยังเป็นชุดนี้ หรือต่ออีกสักหน่อย ไม่มีความเมตตาต่อพวกเราเลย ก็เป็นหลังพิงฝาต่อยมวยวัดกันต่อไป เพราะบางอย่างต้องมีเวที มีสังเวียนที่รัฐบาลจัดให้พวกเราด้วย อันนั้นเราสู้อยู่ภายในก็อาจจะต้วมเตี้ยมหน่อย แต่ก็ไม่ค่อยคล่องตัว
สิ่งแรกต้องใช่แน่ เพราะเป็นไอเดียและความพร้อมตั้งแต่สมัยรัฐบาลท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เราทำมาตลอดเห็นแล้วเราคิดและเห็นว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นในเทรนด์สมัยหน้า ถึงจะเป็นรัฐบาลชุดอื่นไปทำก็ทำไม่ได้ เพราะไม่ใช่วิสัยทัศน์ของคุณตั้งแต่แรกเพราะฉะนั้นคัดลอกและแปะ มันไม่เหมือนของจริง เป็นแค่แกะหัวกระดุม รื้อน็อตมาใส่โครงสร้างไม่แข็งแรง ยังไงก็ล้ม ดังนั้นต้องเป็นรัฐบาลเพื่อไทยที่เข้าใจและมีวิสัยทัศน์ อย่างนี้ศึกษามาระหว่างทางมาตลอด คงจะต้องเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยทำ
ใช่ครับ เห็นภาพเลยว่าที่เราทำจริงก็เช่น สมัยพรรคไทยรักไทยเรามี 30 บาทรักษาทุกโรค เราเดินทางมาทำ Telemedicine ต่อ เราไม่หยุดหย่อนนะครับ ความเป็นโอทอป Champion Product เราไม่ได้ให้ตายอยู่ในชุมชน ตอนนี้เราขยายตลาดให้พวกเขา ทั่วโลก สินค้าที่อยู่ในบ้านคุณ ชุมชนคุณ เราขยายตลาดให้ เรื่องของการท่องเที่ยว ย้อนไปเมื่อก่อนเราคิดว่าเราจะทำ medical hub เราศึกษามาตลอด เราจะทำเป็นเชิงใหม่ City of Wellness เรามีการเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง
เรามีการเดินทางอยู่ต่อเนื่อง เราไม่เคยทอดทิ้งประชาชน เราผลักดันนโยบายและอยากให้ดูถึงวิสัยทัศน์ของนโยบายของทุกพรรคของเราที่มี ไทยรักไทย พลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย นโยบายต่อเนื่องกันหมด เพราะเราพิจารณาถึงปากท้องของประชาชนไงครับ นี่คือสิ่งแรก
เพราะฉะนั้นขอให้ไว้วางใจได้เลย ในเรื่องของนโยบาย บุคลากรของพรรค มีความสามารถอย่างยิ่งทุกรุ่น รุ่นใหญ่ รุ่นกลาง และรุ่นใหม่ เราตอบโจทย์ทั้งหมด เรารวบรวม เรารู้ว่าเราทำอะไรอยู่ เรารู้ว่าจุดไหนคือจุดแข็ง เรารู้ว่าจุดไหนที่เราต้องพัฒนา ดังนั้น องค์กรเรา สถาบันการเมืองของเราไม่เคยหยุดหย่อนในการทำงาน เราประชุมกันทุกทีม ทุก Floor ทุกห้อง ทุกมิติ เราไม่เคยหยุดหย่อนในการทำงาน ในความทำงานหนักนั้น มันถึงเกิดความมั่นใจไงครับ ว่าเราสามารถพิชิต และคำว่าแลนด์สไลด์ถึงเกิดขึ้นได้แน่นอนครั้งนี้
เส้นเลือดไหนที่ตีบเราจะไปขยายเส้นโลหิตนั้น เสร็จปุ๊บอันไหนที่ร่างกายขาด เราจะหามาเติมให้ จากทั้งข้างในร่างกายที่เรียกว่าจังหวัดเชียงใหม่ ทุกอาชีพทุกวงการ แต่งตัวให้ดูดี ให้เฮลท์ตี้ ต้องหล่อและสวยจากภายในไปสู่ข้างนอก ถ้าข้างในแข็งแรง ข้างนอกเราจะหามาเติมให้อีก เพื่อให้คนเชียงใหม่ สมาร์ทเท่จะมีเงินเต็มกระเป๋า ผมอยากจะเห็นแต่รอยยิ้มของพวกเรา ไม่ใช่เครียดหนี้ท่วมหัว ให้เชียงใหม่กลับมาคึกคักอีกครั้ง
อย่างเร่งด่วนและเปลี่ยนได้เลยจริงๆ ก็คือเปลี่ยนรัฐบาล ก็คิดว่าเป็นกลไลของภาคการเมือง เราทำอย่างดีที่สุดแล้ว ในส่วนการขับเคลื่อนภายใน ผมมองว่ากระทรวงที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าภาคเอกชน คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ไม่ว่าจะเป็นหอการค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคาร เขาก็จับมือกันเหนียวแน่นต่อสู้ด้วยตัวเองทำให้เครื่องยนต์ยังเดินได้อยู่ การต่อสู้ ภาคผลิตอาชีพใหม่ๆ รอไว้เพื่อสร้าง ความพร้อม ผมว่าจำเป็นและสำคัญ เพียงแต่จะให้เกิดภาพชัด ต้องมีภาคใหญ่มาคุม ภายในชัดเจนจะทำงานยังไง ตอนนี้ทำงานแบบหลงทาง และบูมเมอแรงก็เหนื่อยเปล่า เราไม่เห็นอนาคตและเยาวชนเป็นยังไง
ผมคุยสมาคมโรงแรม ร้านอาหารกลับมาคึกคัก แต่สิ่งที่น่ากลัว หมดช่วงฝน พอเข้าหน้าหนาว ไตรมาส 4 ต้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 ฝุ่น PM 2.5 กลับมาแล้ว ทีนี้ก็จะล้มระบบตัวเลขของนักท่องเที่ยวอีกแล้ว ตัวเลขที่กำลังจะดีขึ้น ปากท้องที่กำลังจะดีขึ้น ทำไมต้องมาเกิดกับพวกเรา จ.เชียงใหม่ ตลอดแบบนี้ มันต้องแก้กฎหมาย การยกระดับการคุยวงอาเซียน หรือหมอกควันข้ามพรมแดน เรื่องเผาในประเทศไม่ได้เป็นสาระหลัก หมอควันที่ลอยมาสูงข้ามพรมแดน อ.แม่สาย อ.แม่สอด ลอยมาจากประเทศเพื่อนบ้านเราทั้งนั้น เขาก็เผาอย่างนี้มาตลอด ถ้าหยุดใช้แค่เกษตรกร ซึ่งบรรจุไว้ใน 5 ข้อที่ผมได้ยื่นร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดไป เอาไปรวมร่างของรัฐบาลก็ได้แล้วรีบแก้ปัญหาให้พวกเราเถอะ อันนี้เป็นข้อเรียกร้องใหญ่ๆ
จ.เชียงใหม่ ไม่ได้อยู่ในแผนที่การเดินทางของนักท่องเที่ยว พออย่างนี้ นักท่องเที่ยวเลือกที่เที่ยวได้ทุกวัน ที่ไหนเจ๋งเขาก็เปลี่ยนได้แล้ว อันนี้น่ากลัว ถ้าเกิดนักลุงทุนไม่เกิด นักท่องเที่ยวไม่เดินทาง ไม่มีการขยายโอกาส เด็กรุ่นใหม่ไม่มีแรงบันดาลใจที่ต่อไปจะอยู่แบบไหนจะทำอาชีพอะไร ตรงนี้ทำให้เศรษฐกิจที่มันดับทีละตัวจะรวนทั้งระบบ เราไปพูดกับต่างชาติที่จะตัดสินใจ ทำเอ็มโอยู ของเราน่าตกใจว่าของไทยไม่ได้อยู่ในโต๊ะอาหารที่เราจะเชิญไปดินเนอร์ ไม่ได้อยู่ในโต๊ะประชุมที่เราจะร่วมเซ็น เอเปคที่จะเกิดขึ้นปลายปีนี้จะสร้างอะไรและความหวังให้กับประเทศไทยต่อไปหรือไม่ด้วย
เป็นความท้าทายที่ต่างกรรมต่างวาระ คือถ้าย้อนไปปี 2562 ตอนนั้นลงสมัยแรกเขตที่สำคัญมาก ต้องขอบพระคุณผู้ใหญ่ของพรรคที่พิจารณาให้เราลง และขอบคุณพ่อแม่พี่น้อง อ.สันกำแพง อ.แม่ออน อ.ดอยสะเก็ด ที่ลงคะแนนไว้วางใจให้ผม 64,400 เสียงถือว่าสูงที่สุดของพรรคเพื่อไทย ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งของผม พวกท่านถือเป็นผู้ทำคลอดทางการเมืองให้ผม
3 ปีกว่าที่ผ่านมาก็ตั้งใจอย่างเต็มที่ไม่ให้ทุกท่านผิดหวัง ถึงวันนี้จะต้องขยับสลับเขตมาลงเขต1 อ.เมือง ก็วันนั้นได้ไปพบปะพูดคุยให้พ่อแม่พี่น้องฟังถึงความจำเป็นว่าทำไม ผมมองอย่างนี้ว่าเขต1 อย่างน้อยก็ตามเกิดจากการแบ่งเขตใหม่จาก 9 เขตเป็น 11 เขต ดังนั้นนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่กำลังทำ และเทรนด์โลกที่กำลังจะเปลี่ยนไป ผมว่ายังไง 11 เขตเข้ามาหมดและทำงานให้ จ.เชียงใหม่ เป็นหนึ่งเดียวอยู่แล้ว เราจะเป็นหนึ่งเดียวกัน
อยากให้พ่อแม่พี่น้อง เขต 3 สบายใจก่อนว่า ผมไม่ทอด ไม่ทิ้ง ไม่ละ ไม่ลืม สิ่งที่ทำมาอย่างไรจะทำต่อ เพราะฉะนั้นท่านจะได้ส.ส. 2 คนใน 1 เขต อยากให้สบายใจอย่างนี้ ทั้งผมจะขยับไปอยู่เขต 1 แล้ว ใจผมอยู่ที่นี่ ผมก็ยังจะทำงานให้พี่น้องเขต 3 เหมือนเดิม พ่อแม่พี่น้องที่เมตตามอบชีวิตทางการเมืองให้ผมไม่มีวันทอดทิ้ง ทรพี ทรยศเขาแน่นอน
ขอสร้างความมั่นใจให้พ่อแม่พี่น้องเน้อ ของพวกเราไม่ต้องกลัวเลย น้องท็อปคนเดิมคนเก่าแน่นอนครับ
ต้องยอมรับนะครับว่าเวลาเขาสู่โหมดการแข่งขันทุกมิติทุกคู่แข่งขันทางการเมือง เราทำการบ้านมา ประเมินผล เราทำตัวเลขชี้วัด เรามีเคพีไอ เราทำการบ้านทุกระดับจริงๆ เราวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ครั้งนั้นการเลือกตั้ง 2562 การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นเราวิเคราะห์ย้อนไปตอนนั้นเหตุผลคืออะไร เหตุผลวันนั้นยังดำเนินต่อถึงปัจจุบันหรือไม่ แล้วมันเข้มข้นขึ้นหรือเบาบางลง อันนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจ เรามีการทำการบ้านตลอดเวลา
เรียกได้ว่าไม่เคยประมาท ให้เกียรติคู่แข่งขันด้วยซ้ำ ผู้แข่งขันได้ทำอะไรอยู่ ผลิตอะไรอยู่ หรือกระบวนการทางความคิดเป็นอย่างไรในทุกสถานการณ์ เราปรับแค่ตัวเราเอง สิ่งที่ประชาชต้องการคืออะไร อยากให้เป็นผู้แทนอย่างไร เราไม่มีสิทธิระบุตัวตนของเราให้เขา แต่เราต้องทำตัวเราให้ตอบโจทย์ประชาชนให้มากที่สุดและตอบโจทย์ได้จริง ถ้าเฟคเมื่อไร ประชาชนรู้ ถ้าไม่ได้ออกจากใจจริงประชาชนวินาทีเดียวก็ทราบหมด จากโอกาสที่ประชาชนอบให้มา ก็ไม่น่าหนักใจกับการลงเขต 1 ครั้งนี้เรื่องความมั่นใจผมมีเต็มร้อยอยู่แล้ว
จากการลงพื้นที่ ถ้าตัวผมเองและคุยกับพี่น้อง ส.ส.ทั้งว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. การไปพบปะเราเอาจากของจริง เราเดินไปที่ไหนมีแต่ยิ้มแย้มต้อนรับเรา ผลที่ประจักษ์ที่เพิ่งจัดครอบครัวเชียงใหม่ เพื่อไทยไป อันนั้นกระแสตอบรับอย่างดียิ่ง เดินไปที่ไหนมีแต่คนยิ้มและสวมกอด แอร์วอร์ ในเรื่องโซเชียลมีเดีย ทุกคนตอบรับ ทุกคนยินดีทุกคนเห็นด้วยกับนโยบายและการเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย มันสร้างความมั่นใจอย่างยิ่งของ จ.เชียงใหม่ที่เป็นหัวใจของพรรคเพื่อไทย ภาคเหนือตอนบนรับรองเข้าหมดแน่ คำว่าแลนด์สไลด์ ตัวเลข ส.ส. 253 บวก แน่นอนเป็นตัวเลขที่เราคาดหวังแต่ไม่เพ้อฝันหรือเราไม่หลอกตัวเอง
ตรงไหนเขตไหนที่ไม่มั่นใจ ต้องรีบไปแก้ ถ้าไม่ดีในฐานะที่เป็นรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กรรมการบริหาร เราเปลี่ยนตัวนะ เราไม่มีมาเล่นๆ ครั้งนี้คือความหวังครั้งใหญ่ที่สุดของประชาชนชาวไทย ถ้าครั้งนี้พลาดหรือคุณไม่หยิบความหวังครั้งนี้มาให้ประชาชนได้อีกครั้ง ผมว่าแย่ ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยแพ้ แต่ประชาชนจะไม่ไหวแล้ว มันเป็นโอกาสสุดท้ายที่ประเทศไทยจะกลับมาดีขึ้นได้ มันต้องครั้งนี้และเดี๋ยวนี้
กติกาเป็นอย่างไรก็ต้องเลือกเพื่อไทยทุกใบ กติกา ณ ปัจจุบันนี้ก็ต้องเลือกของพรรคเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ และกติกาจะเปลี่ยนไปอย่างไรหรือไม่ เราก็ต้องว่ากัน แต่ว่าต้องเลือกพรรคเพื่อไทยเท่านั้น การผสมผสานการลงคะแนนกาในคูหา โดยไม่เป็นทิศทางเดียวกัน จะทอนให้ไม่พอชนะ อย่างไรเพื่อไทยชนะอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณกาย่อย กาแยก กาไม่เหมือนกันทั้ง 2 ใบในกติกา จะทอนให้เพื่อไทยแพ้ เพราะฉะนั้นความคิดนี้ต้องรีเซตใหม่ว่าพรรคเบอร์ คนเบอร์ ไม่ได้ เพราะสุดท้ายแล้วคะแนนจะถูกบิดไปให้พรรคฝ่ายตรงข้าม หรือพรรคที่คุณไม่ได้ต้องการให้เป็นรัฐบาล
ต้องชัดทุกใบ ผมว่าประกาศได้ค่อนข้างชัด มันจะทอนให้เราไม่พอชนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของท่านที่ต้องการให้เขาไปทำงานในสภาจะหลุดได้เลยจากความคิดที่ว่า งั้นแบ่งคะแนนให้หน่อย งั้นอันนี้ไปกาพรรคอื่นแล้วกัน คำนี้ต้องลบออกจากความคิดเลย รักเพื่อไทย เลือกเพื่อไทยทุกใบ แล้วคุณจะได้ผู้แทนฯ ที่คุณเลือกที่แท้จริง ไม่งั้นคุณก็จะได้ผู้แทนฯ และคุณจะได้รัฐบาลที่ไม่ได้มาจากใจคุณ หรือครั้งที่แล้วคุณเลือกพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคอันดับ 1 ก็ยังต้องมานั่งเป็นฝ่ายค้าน ถ้าคุณอยากให้ผู้แทนฯ ของคุณที่คุณเลือกเข้าไปทำงาน คุณต้องใส่สุดครับครั้งนี้ ต้องพรรคเพื่อไทยเท่านั้นครับ
ทุกท่านเป็นอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา เราเป็นลูกศิษย์ การที่เราจะเข้าไปขอวิชาความรู้ ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย การที่คุณไม่ถาม แอบก้าวกระโดดเอง ผมว่าคุณจะบินได้ไม่ไกล และบินได้ไม่สูง การที่พวกเรามีผู้หลักผู้ใหญ่ชี้นำทาง มีอาจารย์คอยชี้แนะ เรามีเพื่อนฝูงที่เป็นมิตรแท้ เรามีลูกหลานและพี่น้องที่คอยเสริมและเติมเรา ผมว่านอกจากเขาจะเคลียร์ทางให้ฟ้าใส เราจะมีลมใต้ปีกให้เราบินได้ไกลและบินได้ทน และไปได้ถึงฝันด้วยกัน ผมมองว่าไม่แปลกและไม่ผิดที่จะขอคำชี้แนะจากทุกท่าน
ผมขออนุญาตตีความคำว่านอนมาใน 2 มิติ คำว่านอนมา ผมมองว่าเป็นคำจำกัดความของคำว่า คนเชียงใหม่รักเพื่อไทย มีความเชื่อมั่นในฝีมือของพวกเรามากกว่า ชินวัตร ลงอย่างไรก็นอนมา ผมว่า ชินวัตร ก็คือเพื่อไทยหรือไม่ เราเถียงกันไม่ได้อยู่แล้ว ถูกไหมครับ จะว่าคนเชียงใหม่นอนมาแน่ถ้าพรรคเพื่อไทยลง ก็นโยบายของเราผลิตมาอย่างดี ผลงานเราสร้างสรรค์ มีแต่ความสุขทั้งนั้นในสมัยเรา เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยที่กินได้ สัมผัสได้ เป็นภาพจำของเขา แล้วดู 8 ปีทีที่ผ่านมาสิครับ เราถูกทอดทิ้งอย่างไร
นอนมา อีกความหมายของผม ก็เราทำงานกันสุดๆ ทุกคนทุกเขต ตอนนี้เรามีการปรับกลยุทธ์ มีการทำงานใหม่ ส.ส.ท่านใดไม่เก่ง คุณแพ้ภัยตัวเองนะ คุณก็เข้ามาไม่ได้ ต้องออกไป ประชาชนจะเป็นคำตอบของพวกคุณเอง ตรงนี้จะเป็นบทพิสูจน์ และตอนนี้ด้วยแก่นนโยบายที่เรามีตอนนี้ รับรอง รวมกับการคัดสรรคนต่างๆ การลงพื้นที่เข้มข้นอย่างไร สิ่งเหล่านี้จะตอบโจทย์เองว่าทำไมเขาถึงใช้คำว่านอนมา
เราก็จะเจ็บช้ำ ย้ำอยู่กับที่ ถูกทอดทิ้งจากสังคมโลก อนาคตไม่มี คนตกงานเยอะ อัตราการฆ่าตัวตายก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ตัวเลขในภาคแรงงานที่ตกงานแล้ว หรือผู้เสมือนตกงาน น้องๆ ที่เรียนอยู่จะไปทำงานอะไร น้องที่อยู่ ม.6 แล้ว จะต่ออุดมศึกษาช่องทางไหน ถ้าไม่มีแนวทางให้เขา เรียนทำไมเรียนแล้วตกงาน พ่อแม่จะเอาเงินที่ไหนไปส่ง อนาคตจะเป็นอย่างไรในรุ่นต่อๆ ไป ถ้ายังมีรัฐบาลที่ยังเป็นอยู่แบบนี้ ตอนนี้เขาได้ขุดแผลให้ตัวเองลึกและลามไปทั่วร่างกายของประเทศไทย
นี่คือคำตอบ ผมไม่ค่อยอยากวาดว่าจะเป็นอย่างไร เพราะพวกท่านเผชิญอยู่ทุกวันนี้ว่ามันย่ำแย่ขนาดไหน แปลว่าถ้าคุณยังเลือกรัฐบาลที่คล้ายกับที่เป็นอยู่แบบนี้ แล้วไม่เลือกเพื่อไทยให้ขาด ให้แลนด์สไลด์ หรือแบ่งใจกาให้พรรคนั้นพรรคนี้ ทำให้เราไม่พอชนะ รับรองคุณก็จะเผชิญอยู่แบบเดิม ที่เราน้ำตกตกในกันอยู่ทุกวันนี้ นี่คือช่วงที่แย่ที่สุดของทุกวงการที่เรามีอยู่
ถ้าครั้งนี้เดินทางผิดพลาดหรือเกิดกติกาที่บิดเบี้ยวอีก แล้วเราจะต้องเผชิญกับรัฐบาลที่เราต้องทนมา 8 ปีนี้ เราจะทนไหวต่ออีก 4 ปี หรือครับ ครั้งนี้เป็นการผ่าตัดใหญ่ประเทศไทย โดยใช้การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย เป็นการให้เกียรติ และใช้สิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนพึงมี การเลือกตั้งครั้งนี้ 4 วินาทีในคูหา พิจารณามาจากบ้าน วิเคราะห์ให้ดีว่าชีวิตของพวกคุณจะเป็นอย่างไร พรรคเพื่อไทยจะเป็นคำตอบให้ทุกท่านหรือไม่ เราบังคับพวกคุณไม่ได้ เราจะทำให้เห็น และเราขอโอกาสเข้าไปพิสูจน์ให้พวกท่านเห็น และพอกันทีกับชีวิตที่หมดหวัง หดหู่ และไร้อนาคต
การเลือกตั้งที่จะถึงครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตของพ่อแม่พี่น้อง ก็ขอรณรงค์ให้ทุกคนออกมาใช้สิทธิใช้เสียง เลือกพรรคที่พวกคุณคิดว่าทำงานให้พวกคุณได้จริงๆ เลือกผู้แทนฯ ที่คิดว่าจะไปรับใช้ ไปตอบแทนบุญคุณสังคม ตอบแทนบุญคณประชาชน ตอบแทนบุญคุณของพวกคุณ และสร้างความหวังใหม่ที่เกิดขึ้นให้ได้กับพวกเรา
นอกจากงานผู้แทนราษฎรในสภาฯ แล้ว แต่นอกสภาฯ โดยเฉพาะครอบครัวของ 'จักรพล ตั้งสุทธิธรรม' ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้ขาดตกบกพร่อง
เพราะ ท็อป จักรพล ยังใช้เวลาที่สับหลีกจากภารกิจที่รัดตัว ให้กับครอบครัวและลูกๆ ทั้ง 3 คน
จักรพล มาพร้อม อรพรรณ ตั้งสุทธิธรรม (จุง) ภรรยาคู่ชีวิต พร้อมบุตรสาวและบุตรชาย ที่ทั้งหมดต่างนั่งรอสามีและบิดาให้สัมภาษณ์ผ่าน 'วอยซ์' #VoicePolitics
แต่ครั้งนี้มีเพียง อรญาณ์ภัส หรือน้องมิยู ตั้งสุทธิธรรม บุตรสาวคนโต และ เดชวิชช์ น้องยูเค ตั้งสุทธิธรรม ขณะที่ สิทธิพล หรือน้องยูคิน ลูกชายฝาแฝดอีกคนป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ทำให้ฝาแฝดมาเพียง 1 คนเท่านั้น
'วอยซ์' เริ่มคำถามไปยัง 'น้องมิยู' ก่อนว่าเวลาคุณพ่อไม่อยู่ติดภารกิจงานสภาฯ ที่กรุงเทพฯ ทำอย่างไรให้หายคิดถึงผู้เป็นบิดา
มิยู ตอบด้วยน้ำเสียงเขินอายว่า พร้อมหอมแก้มจักรพลก่อนระบุว่า "บอกว่าตอนนอน ปะป๊าจะนอนด้วย ตอนปะป๊าไม่อยู่จะมีหมอนที่ปะป๊าชอบใช้ แล้วหนูจะกอด บางทีเหลือแค่กลิ่นให้เขากอดหมอนข้าง"
ขณะที่ 'จักรพล' บอกถึงการเลี้ยงลูกๆ 3 คนว่าส่วนใหญ่บทบาทจะเป็นของ อรพรรณ ที่จะทำหน้าที่พ่อและแม่ในคนเดียว แต่หากเขามีเวลาก็จะมาร่วมกิจกรรมกับลูกๆทั้งหมด
"ตอนนี้น้องยูเคชอบเล่นไอซ์สเก็ต ว่ายน้ำ อย่างของน้องมิยูจะชอบเต้นบัลเลต์ เล่นดนตรี เหมือนน้องยูเค ก็จะไปพยายามจะเป็นคุณแม่รับส่งคอยอยู่ตลอด ส่วนเราถ้ามีจังหวะก็จะพุ่งไปหาเขา ก็ต้องขอโทษลูกๆ ทุกคนที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ บางทีต้องผ่านวิดีโอคอลเอา ต้องโทรง้อเขาบ่อยๆ เราไม่เห็นเขาเติบโตในบางกิจกรรม เขาก็เข้าใจ เขาก็เสียสละ" พ่อท็อป หรือพ่อหมี ที่ถูกเรียกใช้โซเชียลมีเดีย กล่าว
ด้าน อรพรรณ พูดเสริมว่า "ลูกๆทั้งหมดมักจะถามคุณแม่ว่า ปะป๊าประชุมอยู่หรือเปล่า บางที 2 ทุ่มครึ่ง 3 ทุ่มครึ่ง ถ้าประชุมอยู่จะไม่ได้รับ ถ้าไม่ประชุม คุณพ่อก็จะรับอยู่แล้วเวลาวิดีโอคอลคุยกับลูกๆตลอด"
จักรพล บอกด้วยว่า "พอดูลูกๆ มันคือจิตวิญญาณของพ่อและแม่ โตมาเขาศึกษาอย่างไร ถ้าเรารักลูกเราอย่างไร เรารักประชาชนของเขาอย่างไร เรารักพ่อแม่พี่น้องของเราอย่างไรผมว่าจะไปในเส้นทางที่คล้ายกันและไม่หลงทางเลย"
ส่วนเรื่องการใช้ชีวิตและการศึกษาของลูกทั้ง 3 คนนั้น จักรพล บอกว่า "เดี๋ยวนี้ 2 ภาษาไม่พอนะ ก็บอกเขา ถ้าหนูไปเรียน หนูต้องไปอะไร"
ระหว่างพูดถึงเรื่องเรียนทำให้ น้องมิยู ต้องหันมามอง 'บิดา' ผู้แทนราษฎรเชียงใหม่ทันที
"ปะป๊าไม่ได้บอกหนูหรอ บอกสิ ถ้ากีฬา ก็จะมี 1 อย่าง ต้องมีทักษะนะครับ เราดูแลพ่อแม่พี่น้องเหมือนดูแลครอบครัวเรา ผมว่ามันเชื่อมกันได้เลย"
ขณะที่ อรพรรณ ก็บอกว่า "ก็จะคุยกับลูกๆ ตลอด เวลาบางทีเขากลับมาบ้าน หนูมีสอบกลัวคะแนนไม่ดี เราก็บอกว่าแบบทำให้ดีที่สุด ใช้เวลาในการศึกษาบ้าง แต่ถ้าผลออกมาแบบไหนก็ไม่เป็นไร"
จากนั้น ท็อป จักรพลได้พูดขอบคุณภรรยาของเขา พร้อมบอกอีกว่า "น้องจุงที่เป็นทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกัน เป็นหลังบ้านที่คอยสนับสนุนผมทุกเรื่อง ทำให้เรามุ่งหน้าทำงานได้อย่างเต็มที่ โฟกัสในการประชุมในการลงพื้นที่ ทุกอย่างได้เต็มที่เลย ก็ต้องขอบคุณเขาที่เติมเต็ม"
"เราก็ต้องขอโทษที่เลือกมาเดินทางสายนี้ มีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะมาพัฒนาประเทศ ในการได้เป็น 1 ใน 500 ของสภาล่าง ทำงานระดับประเทศ ถือมีความสำคัญอย่างยิ่ง อาจไม่สำเร็จถ้าไม่มีพวกเขาที่เข้าใจส่งเสริมให้กำลังใจเรา"
เมื่อถามไปยังลูกๆของจักรพลจะอยากเป็นนักการเมืองหรือไม่นั้น จักรพล บอกว่า "ยูเคจะชอบเวลาเห็นปะป๊าทำงาน เห็นปะป๊าอภิปรายในสภาฯ เขาก็จะชอบและจะวิ่งไปอยู่ที่จอไปชี้ไปอะไร ส่วนแฝดอีกคนเวลาเขาชอบเห็นเราลงพื้นที่ อันนั้นจะชอบสายลุยๆ ปะป๊าไปไหนมา ขับรถไปลุยน้ำท่วมมา"
ส่วนน้องมิยู พูดตัดบทคุณพ่อว่า "งานเยอะมาก"
ก่อนจะจบบทสนทนา นอกเรื่องการเมือง แต่ขอเจาะชีวิตไลฟ์สไตล์ของ 'ครอบครัวจักรพล' อรพรรณ บอกว่า จะไม่บังคับลูกๆทั้งหมดอยู่แล้ว เพราะถ้าเติบโตไป ลูกๆของเธออาจเปลี่ยนแปลงความคิดได้
ภาพ - ปฏิภััทร จันทร์ทอง , วิทวัส มณีจักร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง