พิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ ได้ลงพื้นที่ช่วยหาเสียง นายก อบจ. ให้กับ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร อดีต สมาชิกวุฒิสภา จังหวัดเชียงใหม่ เบอร์ 1 พรรคเพื่อไทย โดยได้พบและรับฟังปัญหาจากตัวแทนภาคเอกชน อาทิ สตรีนักธุรกิจแห่งประเทศไทย จ. เชียงใหม่, ตัวแทนหอการค้า จ. เชียงใหม่, ตัวแทนศิษย์เก่าโรงเรียนดาราวิทยาลัย และประชาชนชาว จ. เชียงใหม่ ที่ตึกยูนิเซิร์ฟ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่โดยนายพิชัย ได้เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา SMEs ในภาพรวม 7 ข้อ คือ
1. รัฐบาลต้องคิดแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในภาพรวมโดยต้องคิดทุกด้าน ไม่ใช่คิดแค่เรื่องเล็กๆ เช่น การที่รัฐบาลหวังเพียงแค่ “คนละครึ่ง” และ “เราเที่ยวด้วยกัน” จะไม่สามารถฟื้นเศรษฐกิจได้จริง และจะทำให้หลงทาง เพราะ 2 นโยบายดังกล่าว แม้ประชาชนจะเห็นด้วยเพราะประชาชนกำลังลำบากกันมาก แต่ผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและผลต่อจีดีพีจะมีน้อยมาก และจะไม่สามารถฟื้นเศรษฐกิจได้จริง เป็นแค่การชะลอความนิยมที่ตกต่ำอย่างหนักของรัฐบาลเท่านั้น ดังนั้นการที่รัฐบาลโต้แบงก์ชาติว่าเศรษฐกิจไตรมาส 4 ไม่ได้แผ่วตามที่แบงก์ชาติเตือนโดยอ้าง 2 นโยบายนี้จึงไม่น่าจะถูกต้อง
2. ในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่มาตลอด และ มาซ้ำเติมด้วยวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด รัฐบาลจะต้องเร่งให้ซอฟต์โลน 1 ล้านล้านบาท ดอกเบี้ย 0% ช่วยเหลือภาคธุรกิจ SMEs ซึ่งรวมถึง อุตสาหกรรม และ ท่องเที่ยวด้วย เพื่อให้ประคองธุรกิจไปได้ และต้องรักษาการจ้างงาน เพื่อแก้ปัญหาการว่างงานและรัฐบาลเองอาจจะสนับสนุนบางส่วนในการจ้างงานด้วย ทั้งนี้จะต้องเลือกด้วยว่าธุรกิจใดจะรอดพ้นและสามารถฟื้นตัวได้หลังโควิด เพราะหลายธุรกิจอาจจะต้องปิดตัวอยู่แล้วจากภาวะ disruption ของโลก โดยรัฐบาลต้องรับผิดชอบในกรณีที่เกิดหนี้เสีย มิเช่นนั้นธนาคารจะไม่กล้าปล่อยกู้แต่ทั้งนี้ต้องระวังการทุจริตในรูปแบบต่างๆ
3. เร่งพิจารณาเปิด Travel Bubble กับประเทศที่มีระดับการระบาดน้อย เพื่อให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาได้ เพื่อช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยวที่กำลังจะย่ำแย่ ก่อนที่ธุรกิจท่องเที่ยวจะตายกันหมด
4. การปรับปรุงและส่งเสริมให้มีความสะดวกในการเปิดด่านการค้าชายแดนให้ค้าขายได้ง่าย โดยลดขั้นตอนพิธีศุลกากร เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการค้าขายระหว่างชายแดน ซึ่งจะช่วยธุรกิจ SMEs ให้ขายสินค้าได้มากขึ้น การค้าขายชายแดนจะเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก
5. รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องร่วมกันออกมาตรการเพื่อทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอีก แม้ ธปท. จะออกมาตรการเป็นการส่งสัญญาณว่า ธปท. ต้องการเห็นค่าบาทที่อ่อนค่าลงแล้วแต่ยังไม่ได้ผล เพราะมาตรการอ่อนเกินไป ทำให้ค่าเงินบาทยังไม่อ่อนค่าเพียงพอ จึงอยากให้ รัฐบาล และ ธปท. ร่วมกันออกมาตราการเพิ่มเติมเพื่อให้ค่าบาทอ่อนลงอย่างแท้จริง
6. ตลอด 6 ปี รัฐบาลไม่สามารถเจรจาการค้าได้ ดังนั้น รัฐบาลจะต้องเร่งเจรจาเขตการค้าเสรี ทวิภาคี และ พหุภาคี เพื่อให้สินค้าจากประเทศไทยสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้โดยไม่โดนเก็บภาษี หลังจากที่สหรัฐตัด จีเอสพี ไทย 2 ครั้งในปีนี้ เช่น การเจรจาเขตการค้าเสรีกับ อียู สหรัฐ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ต้องเร่งดำเนินการ ซึ่งจะส่งเสริมให้มีการลงทุนเพิ่มขึ้นด้วย แต่ทั้งนี้ไม่แน่ใจว่าเขาจะเจรจาด้วยหรือไม่ เพราะล่าสุด วุฒิสภาสหรัฐยังประกาศหนุนประชาธิปไตยในไทย และ จี้รัฐบาลฟังเสียงผู้ชุมนุม เหมือนบอกว่าไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตย และไม่ฟังเสียงผู้ชุมนุมจำนวนมาก
7. เร่งนำเรื่องที่ 5 ทูต คือ สหรัฐ อังกฤษ เยอรมัน ญี่ปุ่น และ ออสเตรเลีย ที่ได้ออกมาแนะนำประเทศไทยในการแก้ไขปัญหามาพิจารณา ซึ่งเป็นการแนะนำครั้งที่ 2 แล้ว และเร่งแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะปัญหาด้านศุลกากร และ ปัญหาซ้ำซ้อนของหน่วยงานรัฐ รวมถึงการต้องเร่งปรับระบบราชการเป็นระบบดิจิตอล ตามที่ได้เคยเสนอไว้นานแล้ว
โดย พิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้สมัคร นายก อบจ. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ตระหนักถึงปัญหาเร่งด่วนในขณะนี้คือ ปัญหาโควิด -19 ปัญหาการท่องเที่ยวตกต่ำ และปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้สมัครนายก อบจ. เชียงใหม่ จึงนำนโยบายของพรรคเพื่อไทยมาเพื่อแก้ไขปัญหาและต่อยอดเป็นนโยบายพิเศษสำหรับชาวเชียงใหม่ 3 ข้อดังนี้
1. นโยบายพิเศษเชื่อมโยงรัฐบาลกลางกับการบริหารท้องถิ่น โดยมุ่งออกนโยบายเฉพาะด้านสำหรับแต่ละพื้นที่เพื่อให้แก้ปัญหาได้ตรงจุด และ ยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวเชียงใหม่
2. นโยบายยกระดับเชียงใหม่เป็น Smart City เหมือนเมืองสำคัญในต่างประเทศ และ การพัฒนาเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนในภาคเหนือ เชื่อมต่อ ประเทศจีน เมียนมาร์ และ ลาว รวมถึงการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิตอลของภาคเหนือ
3. นโยบายการพัฒนาระบบขนส่งในเชียงใหม่แบบเร่งด่วน เพราะปัจจุบันเชียงใหม่มีปัญหาการจราจรมาก
ดังนั้น จึงอยากขอให้พี่น้องชาวเชียงใหม่ช่วยกรุณาเลือก พิชัย เลิศพงศ์อดิศร เบอร์ 1 ผู้สมัคร นายก อบจ. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เพื่อให้ได้พรรคเพื่อไทยทั้งพรรคให้มาช่วยกันคิดและช่วยกันพัฒนาเชียงใหม่ให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไปในอนาคต