วันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองและรอยปริในรัฐบาลซึ่งจะเกิดความเปลี่ยนแปลงภายในเดือน มี.ค. ดังนี้
หลังจากการลงมติไม่ไว้วางใจ แม้ว่า รัฐมนตรีทั้ง 10 คนจะผ่านไปได้ บางคนคะแนนอาจจะบ๊วยไปก็ตาม ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ผลของการอภิปรายก็จะเริ่มเห็นรอยปริในพรรคการเมืองแต่ละพรรค ทั้งภายในพรรคและนอกพรรค รวมทั้งภาพรวมของรัฐบาลด้วย อย่างที่เคยบอกว่าสถานการณ์การเมืองทั้งภายในและภายนอกจะเริ่มมีความรุนแรงขึ้นโดยลำดับจากดวงดาวและปัญหาเศรษฐกิจสังคมและการเมืองที่รุมเร้ามาโดยตลอด โควิดจะเริ่มจาง ม็อบและการเมืองก็จะแรงขึ้น การชุมนุมนอกสภาที่เพิ่งจะเริ่มขึ้นแม้ว่าจะดูไม่เบิ้ม แต่ก็จะคอยตอกลิ่มจะขยายสถานการณ์ให้มัน บานปลายมากยิ่งขึ้น ต่อแต่นี้จนกระทั่งถึงปลายเดือนมี.ค.อะไรก็พร้อมจะเกิดขึ้นได้
วันชัย ระบุว่า ในวันที่ 24-25 ก.พ. การแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระสองก็จะเริ่มขึ้น คอยสังเกตให้ดีจะเห็นร่องรอยทางการเมืองที่จะเริ่มปริมากขึ้นโดยลำดับ ท่าทีต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าจะแก้ไขได้หรือไม่ได้ก็พอจะเริ่มมองเห็นกันในสองวันนั้น จากนั้นในต้นเดือนมี.ค.ศาลรัฐธรรมนูญก็คงจะมีคำวินิจฉัยออกมาว่าจะให้แก้รัฐธรรมนูญได้หรือไม่ได้ จากคำวินิจฉัยจะมีผลทางการเมืองทั้งสิ้น ถ้าไม่ให้แก้ก็จะมีผลไปด้านหนึ่ง ถ้าให้แก้ก็ส่งไม้ต่อมาที่รัฐสภาทั้งสส. และส.ว. จะต้องเป็นคนโหวตว่าจะให้ผ่านวาระสามหรือไม่ 84 เสียงของ ส.ว. ยังเป็นผู้ชี้ขาดในเรื่องนี้ ถ้าเสียงออกมาว่าให้แก้ไขรัฐธรรมนูญได้ การเมืองก็พอเดินต่อไปได้ แต่ถ้าเสียงออกมาว่าแก้ไม่ได้ การเมืองทั้งภายในสภาและนอกสภาคงมีความรุนแรงไม่ต่างอะไรก่อนที่จะรับวาระที่หนึ่ง พรรคร่วมรัฐบาลที่ประกาศตัวมาตั้งแต่ต้นว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่ต้องมาตกในที่ประชุมของรัฐสภา อะไรจะเกิดขึ้นกับการร่วมรัฐบาลหรือการประกาศให้เป็นสัญญาประชาคม
ม็อบนอกสภาก็จะเอาประเด็นนี้ไปขยายอันเป็นข้อเรียกร้องเดิม ปลายเดือนก.พ.จนกระทั่งถึงปลายเดือนมี.ค.อากาศก็ร้อน การเมืองก็ร้อน ดวงดาวก็สู้กันระหว่างพฤหัสกับเสาร์ เขาว่านำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง ส่วนจะเปลี่ยนแปลงแบบไหน อย่างไร อยู่ที่โชคชะตาฟ้าลิขิตจริงๆ