นายปิยวัฒน พันธ์สายเชื้อ ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การขยายกรอบเวลาในการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จนถึงสิ้นเดือน ส.ค.2563 เป็นการกระทำที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะสถานการณ์ในประเทศไทยไม่พบว่ามีการระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้ว จะมีก็แต่ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ การต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินส่งผลให้นักลงทุนเกิดความไม่เชื่อมั่นในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
ทั้งนี้ รัฐบาลมีเป้าหมายใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปกดดันการขับเคลื่อนของกลุ่มนิสิตนักศึกษา และประชาชนทั่วประเทศที่ออกมาชุมนุมเพื่อยื่นข้อเสนอรัฐบาล ดังนั้นการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาล จึงใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินคดีกับกลุ่มนักศึกษาเท่านั้น
นายปิยวัฒน กล่าวต่อว่า ในการปรับคณะรัฐมนตรีที่จะเกิดขึ้น ประชาชนคงไม่คาดหวังว่าจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เพราะผู้นำหรือหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ยังคงเป็นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดังนั้นแม้จะเปลี่ยนรัฐมนตรีคุมเศรษฐกิจ ก็ไม่ช่วยให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น เพราะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลยังเป็นคนเดิม ดีที่สุดคือเปลี่ยนหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยมีโอกาสเติบโตขึ้นแน่นอน