อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีข่าวจะมี ส.ส.ไหลเข้าพรรคฯเพิ่มเติม ว่า ตนยังบอกไม่ได้ว่าจะมากี่คน เพราะจะทราบก็ต่อเมื่อลงนามรับรองเซ็นใบสมัคร พร้อมยอมรับว่า กระแสข่าวการย้ายเข้าของ ส.ส.มาเพิ่มก็เป็นไปได้ พร้อมย้ำว่า พรรคภูมิใจไทย จะส่งผู้สมัครลงชิงครบทั้ง 400 เขต เพราะต้องการทั้งส.ส.แบบแบ่งเขต และส.ส.บัญชีรายชื่อ
เมื่อถามว่า จากที่เคยตั้งเป้าเก้าอี้ ส.ส.ไว้ 120 ที่นั่งจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ หลัง ส.ส.ย้ายเข้าพรรคเพิ่ม อนุทิน ปฏิเสธว่า ใครวางเป้าไว้ 120 ที่นั่ง ใครไปบอก ข่าวที่ออกมาก็พูดกันไปอย่างนั้น ได้เท่าไหนก็เท่านั้น พร้อมย้ำว่านี่เป็นเกณฑ์ที่เราตัดสินตัวเองไม่ได้ เราเป็นเพียงผู้นำเสนอ แต่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินอนาคตของพรรคภูมิใจไทย
ส่วนกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่าคนที่ได้เป็น ส.ส.เพราะคะแนนพรรค แต่คนที่ย้ายพรรค คะแนนจะไม่ตามมาด้วยนั้น อนุทิน กล่าวว่า การที่ใครจะไปไหนเป็นความสมัครใจของเจ้าตัว ซึ่งที่ผ่านมามีคนออกจากภูมิใจไทยจำนวนมาก รวมถึงสมัยก่อนก็มีคนออกจากพรรคภูมิใจไทยไปยังพรรคเพื่อไทย ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ เราก็ได้แต่อวยพรให้เขาไปดี ก่อนที่จะหยุดคิดไปสักพักหนึ่ง และกล่าวว่า ตนคงไม่ไปพูดบั่นทอนกำลังใจ ใครจะไป ใครจะมา ก็ถือว่าต้องเคารพการตัดสินใจ เพราะทุกคนมีวุฒิภาวะพอ ซึ่งใครจะมาพรรคภูมิใจไทย ตนก็ยินดีต้อนรับ ส่วนคนที่ไปเราก็อวยพรให้เขาไปด้วยดี ขออย่างเดียวขอให้ไปทำความเจริญให้กับบ้านเมือง อยู่ที่ไหนก็เหมือนกันหมด
เมื่อถามย้ำว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยคืออนุทิน ใช่แล้วหรือไม่ อนุทิน ถามกลับสื่อมวลชนว่า ยังไม่ชัดอีกหรอเนี๊ยะ ชัดมา 5 ปีแล้ว หนึ่งเดียวคนนี้แหละครับ หนึ่งเดียวด้วยนะ ไม่มี 3 คนนะ ถ้าจะไม่ให้ตนเป็นแคนดิเดตพรรคภูมิใจไทย ก็ต้องเปลี่ยนหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก่อนย้ำว่า ผมคิดว่าชัดเเล้วนะ
ส่วนผลสำรวจซุปเปอร์โพล ออกมาระบุว่าพรรคภูมิใจไทย มีภาพจำที่โดดเด่นในบรรดาพรรคการเมือง สืบเนื่องจากการแก้ไขปัญหาโควิด อนุทิน กล่าวว่า การทำการเมืองต้องยึดถือข้อมูลจากทุกด้าน ผลโพลก็ดีถือเป็นกำลังใจ เพราะจากที่ไม่เคยมีโพลเช่นนี้เลยก็เป็นกำลังใจ แต่ทั้งหลักทั้งปวงไม่ได้ยึดผลโพล แต่ยังลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ส่วนที่ผลนิด้าโพลออกมาระบุว่า อยากให้นายกรัฐมนตรียุบสภาฯ ภายในเดือน ธ.ค.นี้ อนุทิน ย้ำว่าเรื่องยุบสภาเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี เราคงไม่ไปก้าวล่วง แต่ก็มีการเตรียมความพร้อม เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตามวาระสภาฯก็จบที่ 23 มี.ค. 2566 ซึ่งเวลาที่เหลือจากนี้ ก็จะผลักดันงานที่ค้างคาให้หมด เพราะเมื่อเป็นรัฐบาลรักษาการ ก็จะทำอะไรไม่ได้มาก รวมถึงต้องแบ่งเวลาไปลงพื้นที่ปราศรัย หาเสียง เยี่ยมประชาชน ซึ่งเชื่อว่าจะเป็น 3 เดือนที่เร็วมาก
ส่วนแนวโน้มที่ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง จะถูกคว่ำ อนุทิน กล่าวว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว สิ่งที่บอกว่าประกาศกระทรวงสาธารณสุขทำอะไรไม่ได้ วานนี้ก็มีการจำคุกและปรับไปหลายราย ซึ่งได้รับความร่วมมือที่ดีมากจากกระทรวงสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จะไปไล่ดูถึงการใช้กัญชากัญชงที่ไม่ถูกต้อง หรือเป็นไปตามเจตนารมณ์
ฉะนั้นหากอยากเห็นความชัดเจนไม่ต้องมานั่งตีความอะไร ก็ขอให้ผ่านกฎหมายกัญชงกัญชา เพราะจะเป็นกฎหมายที่สามารถควบคุมการใช้ที่ผิดประเภท ซึ่งตรงนี้ถ้าคนที่เป็นผู้แทน มีความห่วงใย ประชาชนก็ควรจะต้องออกกฎหมายกัญชงกัญชาให้เรียบร้อย แต่ถ้าไม่ออกพรรคภูมิใจไทย หากกลับเข้ามาก็จำเป็นจะต้องเสนออีกครั้งอยู่ดี
ส่วนคาดว่า 21 ธ.ค.นี้ จะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกัญชง กัญชา สำเร็จหรือไม่ อนุทิน ยอมรับว่า ดูแล้วไม่น่าจะเรียบร้อย เพราะมีคนต้องการไม่ให้เรียบร้อย แต่พรรคภูมิใจไทยยืนยันที่จะยังนำเสนออยู่ และ กมธ.ก็พร้อมชี้แจง พร้อมกับระบุว่าคนที่ดึงเช็งก็จะดึงต่อ คงกลัวว่าพรรคภูมิใจไทยจะได้รับคะแนนนิยมเยอะ แต่ก็คงกลัวน้อยลงไปแล้ว
เนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็แสดงให้เห็นแล้ว (เปิดรับ 34 ส.ส.ย้ายเข้าพรรค) ว่าพรรคภูมิใจไทยมีคะแนนนิยมและความเชื่อมั่นขนาดไหน พร้อมกับระบุว่าขณะนี้ก็ยังมีเวลาคิดใหม่ทัน ถ้าคิดเพื่อประชาชน ที่แล้วก็แล้วไป ยืนยันว่าภูมิใจไทยไม่มีการดึงส.ส.เข้าพรรค แต่ส.ส.มีแต่เดินเข้าพรรคเอง