เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.2563จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊กไลฟ์ peace talk ในหัวข้อ "ระบอบติ่งกับตำแหน่งประธาน นปช. ตอน 1" โดยย้ำว่าตนและนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ ถูกขบวนการใส่ร้าย กล่าวหาผลักใสให้ไปอยู่กับฝ่ายเผด็จการในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ล้วนเป็นอิทธิฤทธิ์ของเจ๊คนหนึ่งที่สั่งการ จึงขอเชิญเจ๊ออกมาทำการเมืองในที่แจ้งจะดีกว่า พร้อมอ้างถึงระบอบติ่งที่เป็นความนิยมเฉพาะส่วนหากไม่พอใจก็จะเสียดสีใส่ร้ายเป็นเท็จ
อย่างไรก็ตาม เมื่อตนเห็นต่างจากพรรคเพื่อไทยกรณีเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ เพียงแค่อ้าปากจะพูดก็ถูกวิจารณ์อย่างขาดเหตุผลแล้ว ดังนั้น จึงจำเป็นต้องพูดถึงขบวนการ นปช. ซึ่งตำแหน่งประธาน เป็นแค่หัวโขน ไม่มีเงินเดือน ตรงกันข้ามกลับมีแต่คดีถูกฟ้องร้องมากมาย
ส่วนกรณีการใส่เสื้อเหลืองเป็นจิตอาสานั้น จตุพร กล่าวว่า มีใครบ้างไม่ใส่เสื้อเหลือง โดยเฉพาะครอบครัวชินวัตรทั้งตระกูล ไปเป็นจิตอาสาแสดงความจงรักภักดีหลายครั้ง พรรคเพื่อไทยทั้งพรรคและอดีตพรรคไทยรักษาชาติ รวมถึงอดีตพรรคอนาคตใหม่ ล้วนแถลงถึงการสมัครเป็นจิตอาสาแล้วใส่เสื้อเหลืองกันหมด
“แต่พวกระบอบติ่งเฮงซวยไม่ติดใจอะไร กลับมาสนใจแค่ผมคนเดียว คนพวกนี้เอาสมองความเป็นธรรมหายไปไหนหมด ถามว่าพวกคุณมีมาตรฐานอะไร”
ส่วนการยัดเหยียดข้อกล่าวหาที่แกนนำเสื้อแดงเชียงใหม่เรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งประธาน นปช. เนื่องจากไปช่วย บุญเลิศ ลงเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ รวมทั้งกล่าวหาบุญเลิศไปอยู่พลังประชารัฐ แต่ไม่ช่วยพรรคเพื่อไทยนั้น จตุพร กล่าวว่า หากตนลาออกแล้ว ย่อมแสดงว่าไปอยู่พลังประชารัฐตามข้อกล่าวหาทุกประการ แต่ตนยังยืนยันจุดยืน พร้อมประกาศชัดเจนถึงการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจนกว่าประชาชนประกาศชัย
"ผมเห็นว่าเขา (บุญเลิศ) ถูกกระทำและถูกจับทั้งโครตเพราะรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 60 ซึ่งเป็นทั้งนโยบายของ นปช.และของพรรคเพื่อไทย ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เป็นเหมือนน้องสาวผม เมื่อเด็กชุมนุมถูกยิงแก๊สน้ำตา เธอลุกพูดในสภาว่า อีกฝ่ายหนึ่งชุมนุมก็แจกน้ำส้ม ส่วนอีกฝ่ายแจกแก๊สน้ำตา พร้อมจะอาสาเป็นคนประกันตัวเด็กมาชุมนุมที่ถูกจับด้วย คนมีทัศนคติแบบนี้หรือจะไปอยู่กับฝ่ายเผด็จการ"
จตุพรย้ำว่า ตนไม่เคยทำตามมติพรรคเพื่อไทยที่ไม่ชอบธรรม เคยพูดในที่ประชุมพรรคว่า คนเสื้อแดงไม่ใช่ของตายของพรรคเพื่อไทยที่จะทำอะไรก็ได้ ยิ่งช่วงออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย ตนก็ค้านหัวชนฝาเช่นกัน เนื่องจากจะทำให้พังทั้งขบวนการ แล้วนำพาให้รัฐบาลไปติดกับดัก ซึ่งพรรคเพื่อไทยโกรธมาก แล้วถอดพวกตนออกจากผังรายการทีวีทั้งแผงเล
"ผมจะบอกให้ว่า ยินดีจะลุกออกจากตำแหน่งประธาน นปช.ด้วย แต่ไม่ใช่มาจากคนพวกคุณมาชี้หน้าว่า มาช่วยบุญเลิศ และบุญเลิศไปช่วยพลังประชารัฐ ซึ่งวันที่พรรคเพื่อไทยทิ้งเขานั้น พรรคพลังประรัฐยังไม่ได้ตั้งเลย เมื่อผมชี้แจงก็ถูกกล่าวหาว่าโจมตีพรรคเพื่อไทย ทั้งที่คุณบอกว่าบุญเลิศจ้างผมมา เมื่อผมบอกว่าเกิดอะไรขึ้น คุณก็ชักดิ้นชักงอ คุณเป็นมนุษย์พันธุ์ไหนกันแน่"
จตุพร กล่าวว่า เขาบอกว่าผู้ใหญ่สั่ง ในลึกๆตนคิดถึงเจ๊คนเดียว เพราะเจ๊ทำพังมาแล้ว 2 รัฐบาล ทั้งรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ล้วนอิทธิฤทธิ์เจ๊ทั้งนั้น ลองไปไล่ตรวจดูเอา
"ผมให้ความเคารพอดีตนายกฯ ทักษิณอย่างไรก็เคารพอย่างนั้นเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยน บุญเลิศบอกผมว่า ถ้านายกฯทักษิณ โทรมาบอกไม่ให้ลง เขาก็ไม่ลง แต่เมื่อผลักเขาออกไป แล้วยัดเยียดเขาเป็นพลังประชารัฐ ทั้งที่ไม่ได้เป็นจริง เขาจึงไม่มีทางเลือกอย่างอื่น นอกจากสู้เพื่อหาความยุติธรรม" จตุพร ระบุ