จากกรณี แสนปิติ สิทธิพันธุ์ หรือแสนดี อดีตผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย บุตรชายของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้โพสต์ข้อความถึงพรรคก้าวไกล จนโดนทัวร์ด้อมส้มถล่ม ต่อมาแสนดีได้ออกมาขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมอธิบายว่าเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็น ไม่ได้แสดงความเกลียดชังต่อฝ่ายใดหรือต่อใคร พร้อมขอโทษอย่างจริงใจ ที่ทำให้เกิดความรู้สึกลำบากใจ ยืนยันว่าหลังจากนี้ยินดีรับฟังความคิดเห็น และเรียนรู้จากผู้อื่น

ต่อมาวันที่ 18 ก.ค. 2566 ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เปิดใจผ่านรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ ของสรยุทธ สุทัศนะจินดา ว่า ตนไม่มีอินสตาแกรมเลยไม่รู้ว่าแสนดีโพสต์อะไร จนราว ๆ 1 ทุ่มมีคนไลน์มาบอกว่าแสนดีโพสต์แรงและส่งมาให้ดู

พอเห็นโพสต์ก็ตกใจและไลน์หาลูก บอกว่าให้ใจเย็น ๆ อย่าโพสต์เรื่องการเมืองมาก เราแสดงความคิดเห็นได้ แต่ต้องใช้คำพูดที่เหมาะสม สร้างสรรค์ ไม่ใช่ไปว่าคนอื่น และถ้ารู้สึกผิดก็ควรขอโทษ

ชัชชาติ ระบุว่า ไม่ได้บังคับให้ลูกขอโทษ แต่บอกให้เขาตัดสินใจเอง เพราะอยากให้มันออกมาจากใจ และดีใจที่เห็นเขาโพสต์ขอโทษ หลังขอโทษแสนดีบอกว่ารู้สึกดีขึ้น เมื่อเช้าเขามาบอกว่าเสียใจในสิ่งที่โพสต์ไป และช่วงนี้จะหยุดโพสต์

ตนไม่ได้เห็นด้วยกับทุกอย่างที่ลูกโพสต์ และบางอย่างลูกก็ใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม อยากให้เขาโพสต์เรื่องสร้างสรรค์ซึ่งเป็นแนวทางที่ปฏิบัติมาตลอด

ชัชชาติ ระบุว่า คำพูดเมื่อพูดออกไปแล้วมันเป็นนายเรา การที่แสนดีโดนต่อว่ากลับ มันก็เป็นกรรมจากการกระทำ เราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ และเรียนรู้ว่าถ้าเราไม่รอบคอบมันจะมีผลกระทบกลับมา

ไม่มีข้ออ้างใด ๆ สำหรับเรื่องนี้ จะอ้างว่าเด็กก็ไม่ได้ เพราะไม่เด็กแล้ว อายุ 23 เป็นผู้ใหญ่แล้ว จะอ้างว่าอยู่ต่างประเทศนานก็ไม่ได้ เพราะไปอยู่ต่างประเทศแค่ 3 ปี อยู่เมืองไทยเยอะกว่า

“ผมขอโทษแทนลูกไม่ได้ แต่จะขอโทษในส่วนที่ผมบกพร่องไป ผมเองก็มีส่วนผิดที่ไม่ได้คุยกับลูกมากพอ ต่อไปจะคุยและใช้เวลากับลูกให้มากขึ้น เรื่องนี้เป็นบทเรียนสำคัญของทั้งพ่อทั้งลูก