ที่พรรคภูมิใจไทย ศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคฯ แถลงภายหลังการประชุม ส.ส. และว่าที่ผู้สมัครจากเขตเลือกตั้งต่างๆ ทั่วประเทศ ว่า พรรคจะส่งผู้สมัครผู้สมัครแบบแบ่งเขตครบทั้ง 400 เขต วันนี้เมื่อสถานการณ์การเมืองชัดเจนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดตัวเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ถือว่าเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งอย่างชัดเจนขึ้น อาจจะเกิดขึ้นวันใดวันหนึ่งไม่เกิน 3 เดือนข้างหน้านี้ พรรคจึงต้องประชุมเตรียมความพร้อม แม้ว่าจะเตรียมอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ต้องมีความเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งพรรคมั่นใจว่าเราจะสามารถทำงานการเมืองอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ได้แล้ว 

นอกจากนี้ ในการประชุมพรรคยังได้เน้นแนวนโยบายการเลือกตั้งแก้ปัญหาการดำรงชีวิต ปากท้องประชาชน เพิ่มรายได้ลดรายจ่าย เพิ่มโอกาสในการประกอบธุรกิจมากขึ้น วันนี้สิ่งที่พรรคได้กำหนดเป็นนโยบายเพิ่ม คือ การให้ผู้สมัครลงพื้นที่ปราศรัยย่อยในหมู่บ้านให้ใกล้ชิดประชาชนมากขึ้น หลังซุปเปอร์โพลระบุว่าพรรคภูมิใจไทยมีคะแนนนิยมเป็นอันดับสอง 

โดยพรรคได้แต่งตั้งผู้รับผิดชอบดูแลพื้นที่หาเสียงในแต่ละภาค ในส่วนภาคอีสาน ได้แก่ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ และทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ภาคกลาง อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค และมณเฑียร สงค์ประชา อดีต ส.ส.ชัยนาท ภาคเหนือ ชาดา ไทยเศรษฐ ส.ส.อุทัยธานี ในฐานะรองหัวหน้าพรรค และประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ภาคใต้ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ส่วนพื้นที่กทม. ในวันที่ 11 ม.ค.นี้ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จะเข้ามาเปิดตัวที่พรรค พร้อมกับทีมกทม. รวมถึงจะมีการเปิดตัวผู้สมัครส.ส.อีกบางส่วน ซึ่งยืนยันว่า วันนี้พรรคมีความพร้อมในการเลือกตั้งแล้ว

ศุภชัย เปิดเผยด้วยว่า ในวันนี้ โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ได้มาเยือนที่ทำการพรรคภูมิใจไทย และพบปะกับ อนุทิน ซึ่งมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนประเด็นทางการเมือง และการเลือกตั้งในประเทศไทย ซึ่งเป็นแนวทางที่พรรคภูมิจไทยรณรงค์หาเสียง ซึ่งทั้งสองท่านได้เห็นพ้องต้องกันว่าในที่สุด การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นนัยสำคัญ และสำคัญที่สุดคือการที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดิมที่เคยเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร ตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการประชาธิปไตยถือเป็นความงดงามของระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ยังมองว่าในที่สุดประเทศไทยก็มีความหวังที่จะเดินหน้าต่อไปได้ในระบอบประชาธิปไตยซึ่งเป๋นการปกครองที่ดีที่สุดในโลก