ไม่พบผลการค้นหา
บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ตั้งเป้าหมายแผนการดำเนินงาน ในปี 2564 โดยตั้งเป้าหมายยอดขาย (Booking) 28,000 ล้านบาท และเป้าหมายรับรู้รายได้จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ 30,000 ล้านบาท

อดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เปิดเผยว่า ในปี 2564 บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวม 28,000 ล้านบาท และยอดโอนกรรมสิทธิ์มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท

สัดส่วนของยอดขายปี 64 แบ่งเป็นประเภทบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 78% , ทาวน์เฮ้าส์ 13% , คอนโดมิเนียม 9%

ในปี 64 ตั้งเป้าเปิด 12 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 20,660 ล้านบาท แบ่งเป็น 5 โครงการบ้านเดี่ยว, 2 โครงการบ้านแฝด , 5 โครงการทาวน์เฮ้าส์ และ 2 โครงการคอนโดมิเนียม ล่าสุดบริษัทฯมีโครงการที่เปิดดำเนินการอยู่ทั้งสิ้น 75 โครงการ หากรวมจำนวนโครงการที่เปิดดำเนินการในปี 64 จำนวนจะเพิ่มเป็น 87 โครงการ

225F97CB-5C52-4AC2-9D5C-6FC127077CBE_0 (Custom).jpg
  • อดิศร ธนนันท์นราพูล

สาระสำคัญของการดำเนินงานของบริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ในปี 2563 มีดังนี้ 

• เปิดโครงการใหม่ 16 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 28,620 ล้านบาท

• ซื้อที่ดิน มูลค่าโดยรวม 4,600 ล้านบาท 

• ลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่า มูลค่ารวม 2,200 ล้านบาท 

• ออกหุ้นกู้ มูลค่ารวม 8,400 ล้านบาท ระยะเวลา 2-3 ปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 2.29% ต่อปี 

• บริษัท LHMH ได้ดำเนินการพัฒนาโครงการอีก 1 โครงการ คือ

• โครงการ Grande Centre Point Lumpini  บนที่ดิน 6-2-73.5 ไร่ ในรูปแบบ Mixed Use ประกอบด้วย โรงแรม จำนวน 512 ห้อง อาคารสำนักงาน 13,000 ตารางเมตร มูลค่าการลงทุน 4,830 ล้านบาท แล้วเสร็จประมาณ Q1/2567

• บริษัท LH USA ได้ขายโครงการอพาร์ทเมนท์ The Mode Residence ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ให้กับบุคคลที่ไม่มีความสัมพันธ์กับบริษัท ในราคา 80.05 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย ประมาณ 2,415 ล้านบาท โดยมีกำไรก่อนภาษีประมาณ 13.77 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 416 ล้านบาท

• ฐานะการเงินของบริษัทฯ ณ สิ้นปี 2563 บริษัทและบริษัทย่อยมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 47,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ที่ประมาณ 92% และต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 2.3% 

• ในปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายจ่ายด้านการลงทุนประมาณ 6,800 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายจ่ายในการซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัย 4,600 ล้านบาท และรายจ่ายในการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่า มูลค่ารวม 2,200 ล้านบาท ประกอบด้วย 

• การลงทุนในการพัฒนาโครงการ Shopping Mall - Terminal 21  จำนวน  900 ล้านบาท 

• การลงทุนในธุรกิจโรงแรมและอพาร์ทเมนต์  จำนวน 1,300 ล้านบาท 

• สำหรับในปี 2564 บริษัทฯ ได้เตรียมงบลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 11,000 ล้านบาท

            ประกอบด้วยงบสำหรับการซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประมาณ 6,000    

            ล้านบาท และงบลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่าอีกจำนวน 5,000 ล้านบาท   

            และมีแผนที่จะออกหุ้นกู้อีกจำนวน 12,000 ล้านบาท

• จากแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2564 คาดว่า ณ สิ้นปี 2564 บริษัทฯ จะมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเมื่อสิ้นปี 2563 โดยจะมีต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยลดลงกว่าระดับเฉลี่ย ณ สิ้นปี 2563 เล็กน้อย   


ภาวะตลาดที่อยู่อาศัยปี 2563

ตลาดที่อยู่อาศัยโดยรวมในปี 2563  จากตัวเลขโดยรวมของบ้านจดทะเบียนเพิ่มเฉพาะประเภทจัดสรร ตั้งแต่ ม.ค.- ต.ค. 2563 ยอดบ้านจดทะเบียนเพิ่มประเภทจัดสรร มีจำนวนรวมทั้งหมด 74,931 หน่วย ลดลง 9.5 % เทียบกับช่วงเวลา 10 เดือนของปี 62  ที่มีจำนวน 82,818 หน่วย ประมาณการบ้านจดทะเบียนเพิ่มเฉพาะที่จัดสรรที่เกิดขึ้นทั้งปี 2563 มีจำนวนรวม 87,350 หน่วย ลดลง 10.7%  เมื่อเทียบกับทั้งปี 2562 ประเภทจัดสรร มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 97,838 หน่วย 

1 (Custom).jpg

บ้านจดทะเบียนเพิ่ม เฉพาะประเภทจัดสรร ในช่วง 10 เดือนของปี 2563 และประมาณการรวมของปี 2563  เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2562  จำแนกตามประเภทที่อยู่อาศัย       เฉพาะที่จัดสรร มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังนี้

• ประเภทบ้านเดี่ยว ในช่วง 10 เดือน มีจำนวนรวม 8,777 หน่วย ลดลง 27.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 62  ที่มีจำนวน 12,169 หน่วย  ประมาณการรวมทั้งปี 63 มีจำนวนรวม 10,550 หน่วย  ลดลง 22.2 % เมื่อเทียบกับทั้งปี 62 ที่มีจำนวนรวม 13,552 หน่วย 

• ประเภทบ้านแฝด ในช่วง 10 เดือน มีจำนวนรวม 2,113 หน่วย ลดลง 17.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 62 ที่มีจำนวน 2,559 หน่วย  ประมาณการรวมทั้งปี 63 มีจำนวนรวม 2,550 หน่วย ลดลง 15.7%  เทียบกับทั้งปี 62  ที่มีจำนวนรวม 3,024 หน่วย

• ประเภททาวน์เฮ้าส์และอาคารพาณิชย์ ในช่วง 10 เดือน มีจำนวนรวม 13,483 หน่วย ลดลง 23.3%  เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 62 ที่มีจำนวน 17,580 หน่วย ประมาณการรวมทั้งปี 63 มีจำนวนรวม 16,350 หน่วย ลดลง 23.1%  เมื่อเทียบกับทั้งปี 62 ที่มีจำนวนรวม 21,274 หน่วย

• ประเภทคอนโดมิเนียม ในช่วง 10 เดือน มีจำนวนรวม 50,558 หน่วย การเปลี่ยนแปลงค่อนข้างคงที่ เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปี 62  ที่มีจำนวน 50,510 หน่วย ประมาณการรวมทั้งปี 63 มีจำนวนรวม 57,900 หน่วย ลดลง 3.5% เมื่อเทียบกับทั้งปี 62 ที่มีจำนวนรวม 59,988 หน่วย 


ภาวะตลาดที่อยู่อาศัยอาคารชุดในปี 2563

ภาวะตลาดที่อยู่อาศัย ประเภทอาคารชุด ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในปี 2563 จากการสำรวจตลาดของบริษัท สรุปสาระสำคัญๆ ได้ดังนี้

• จำนวนหน่วยที่ขายได้ ทั้งหมด 23,445 หน่วย มูลค่า 92,305 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ร้อยละ 31.0 เมื่อเทียบมูลค่ากับปี 2562  

• ในปี 2563 มูลค่าที่ขายได้ รวมทั้งสิ้น 92,305 ล้านบาท มีสัดส่วนการขายที่เกิดจาก โครงการใหม่ (New Projects) มูลค่ารวม 18,166 ล้านบาท  ลดลง 71.6% เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีมูลค่ารวม 63,884 ล้านบาท และโครงการเก่า (Existing Projects) มูลค่ารวม 74,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% เมื่อเทียบกับปี 2562  รายละเอียดตารางที่ 2  

• ภาวะ Supply คงเหลือ ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ณ สิ้นปี 2563 มีจำนวนโดยรวมทั้งหมด 71,022 หน่วย มูลค่ารวม 326,742 ล้านบาท โดยจำนวนหน่วยที่เหลือมากสุด คือในระดับราคา ต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท ที่มีจำนวนหน่วยเหลือขาย รวมทั้งหมด 30,157 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 42.5 ของจำนวนที่เหลือทั้งหมด แต่หากพิจารณาตามมูลค่า ปรากฎว่า ระดับราคาที่ 2.5 – 5.0 ล้านบาท มูลค่ารวม 79,019 ล้านบาท และระดับราคาที่ 5.01-10.0 ล้านบาท มูลค่ารวม 75,692 ล้านบาท มีสัดส่วนที่สูงถึง 24.2% และ 23.2 % ของมูลค่ารวมทั้งหมด 


ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2563

ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2563 มีสัดส่วน แบ่งตามประเภทที่อยู่อาศัย  และระดับราคา ได้ดังนี้ 

12345.jpg

ในปี 2563 ณ ต้นปี บริษัทฯ มีจำนวนโครงการที่เปิดดำเนินการ ทั้งสิ้นรวม 78 โครงการ เป็นโครงการในกทม. และปริมณฑล 50 โครงการ ต่างจังหวัด 28 โครงการ รวมโครงการที่เปิดใหม่ ระหว่างปี 16 โครงการ รวมโครงการที่เปิดดำเนินการในปี 63 มีจำนวนทั้งหมด 94 โครงการ สำหรับโครงการที่เปิดใหม่ 16 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 28,620 ล้านบาท  

จำแนกเป็น  (โครงการที่ Mix สินค้า นับแยกออกตามประเภทสินค้า นับซ้ำโครงการ)    

• โครงการบ้านเดี่ยว        11   โครงการ

• โครงการบ้านแฝด         3   โครงการ

• โครงการทาวน์โฮม         3   โครงการ       

• โครงการคอนโดมิเนียม     -    โครงการ

ส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) ตามจำนวนหลัง ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยอดรวมสะสมตั้งแต่ ม.ค. – ต.ค. 63  แบ่งจำแนกตามประเภทที่อยู่อาศัย เป็นดังนี้ 

• ตลาดบ้านเดี่ยว     บริษัทมีส่วนแบ่งตลาด    13.8%   

• ตลาดบ้านแฝด      บริษัทมีส่วนแบ่งตลาด    23.3%    

• ตลาดทาวน์เฮ้าส์    บริษัทมีส่วนแบ่งตลาด     5.7%    

• ตลาดคอนโดมิเนียม  บริษัทมีส่วนแบ่งตลาด     0.6%   


แผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2564

ณ ต้นปี 2564 บริษัทฯมีโครงการที่เปิดดำเนินการอยู่ทั้งสิ้น 75  โครงการ โดยเป็นโครงการในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 45 โครงการ และต่างจังหวัด  30 โครงการ และในปี 2564 นี้ บริษัทมีแผนการดำเนินงานเปิดโครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่ารวม 20,660 ล้านบาท แบ่งแยกเป็นโครงการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 11 โครงการ และต่างจังหวัด 1 โครงการ ทั้งนี้หากแบ่งตามประเภทของที่อยู่อาศัยได้ดังนี้ (โครงการที่ Mix นับแยกตามประเภทสินค้า นับซ้ำโครงการ)  

• โครงการบ้านเดี่ยว     5   โครงการ 

• โครงการบ้านแฝด      2   โครงการ 

• โครงการทาวน์เฮ้าส์     5   โครงการ  

• คอนโดมิเนียม         2    โครงการ 

รวมจำนวนโครงการที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้นในปี 2564 ทั้งหมด 87 โครงการ

เป้าหมายยอดขายในปี 2564 บริษัทตั้งเป้ายอดขาย (Booking) รวม 28,000 ล้านบาทและยอดโอนกรรมสิทธิ์มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท  ราคาเฉลี่ยต่อยูนิตที่ขายในปี 2564 เท่ากับ 7.0 ล้านบาท (ปี 2563 ราคาเฉลี่ยต่อยูนิต 7.5 ล้านบาท)    

สำหรับสัดส่วนของยอดขาย ในปี 2564  พิจารณาตามมูลค่า จำแนกตามประเภทที่อยู่อาศัย มีสัดส่วน ดังนี้ 

• บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 78% , ทาวน์เฮ้าส์ 13% , คอนโดมิเนียม  9%

ในส่วนของแผนการลงทุนในการซื้อที่ดินเพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต ในทำเลต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด งบประมาณรวม 6,000  ล้านบาท  ทั้งนี้การพิจารณาซื้อที่ดิน บริษัทจะพิจารณาทำเลที่สามารถนำมาพัฒนาโครงการได้ทันทีและมีศักยภาพที่ดี