นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย กล่าวถึงการติดตามกรณีที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ แจ้งครอบครองที่ดิน ภ.บ.ท. 5 (ใบเสียภาษีบำรุงท้องที่) จำนวน 1,706 ไร่ ต่อ ป.ป.ช. ว่า วันนี้สิ่งที่กรมป่าไม้ต้องเร่งดำเนินการ คือต้องแจ้งความดำเนินคดีในกรณีดังกล่าว โดยให้ไปประสานข้อมูลกับทาง ป.ป.ช. หรืออำเภอ ว่าใบ ภ.บ.ท. 5 ที่ น.ส.ปารีณาแจ้งครอบครองนั้น ได้มาก่อนการประกาศ พระราชกฤษฎีกากำหนดเขต ส.ป.ก.หรือไม่ โดยเท่าที่ทราบจากข่าว น.ส.ปารีณา แจ้งครอบครอง ภ.บ.ท. 5 ต่อ ป.ป.ช. ประมาณ 170 รายการ
ดังนั้น หากครอบครองมาก่อนปี 2554 ที่มีการประกาศเขต ส.ป.ก. ก็เท่ากับเป็นการบุกรุกป่า มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 14 ในเขตป่าสงวนฯ ห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมสภาพแก่ป่าสงวนแห่งชาติ โดยมีโทษ จำคุกตั้งแต่ 6-15 ปี และมีโทษสูงสุดถึง 15 ปี ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 54 ,55 ผู้ใดครอบครองรายสุดท้ายถือเป็นผู้บุกรุก มีโทษตั้งแต่ 2 - 15 ปี
"โดยในการแจ้งของกรมป่าไม้ก็ต้องแจ้งเป็นรายกระทง คือ 170 กว่ากระทง และขึ้นอยู่กับศาลจะพิจารณาโทษหนักเบาตามดุลยพินิจ คิดเป็นรายคดี ดังนั้นคาดว่าโทษจำคุกก็ตั้งแต่ 300 - 2,000 กว่าปี"
ดังนั้น วันนี้สังคมเข้าใจผิดว่าเป็นที่ดิน ส.ป.ก.แล้ว ไม่ต้องมีการดำเนินคดี การครอบครอง ภ.บ.ท. 5 ดังกล่าวชัดเจน เพราะมีปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างในพื้นที่ คือโรงเลี้ยงไก่ และน.ส.ปารีณาเองก็บอกว่าเป็นของตัวเอง จึงไม่ต้องมีการนำชี้เหมือนกรณีอื่นๆ เพราะเรียกว่ามีตัวผู้ครอบครอง
เช่นเดียวกันกรณีผู้สมัคร ส.ส.กระบี่ พรรคพลังประชารัฐ ที่ได้รับการจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก.ก็ต้องไปตรวจสอบว่า ครอบครองพื้นที่ดังกล่าวมาก่อนมี พ.ร.ฎ.ประกาศเขตปฏิรูปหรือไม่ วันนี้รัฐบาลจะไปอุ้มคนที่มีอาจจะมีปัญหาในเรื่องการบุกรุกพื้นที่ป่าไม่ได้ ถ้าไปอุ้มจะพังทั้งรัฐบาล ตนยืนยันว่าเรื่องการบุกรุกป่าใครก็ช่วยใครไม่ได้ ซึ่งตนได้ติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น
อ่านเพิ่มเติม