ไม่พบผลการค้นหา
สีจิ้นผิง ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนสมัยที่ 3 อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน หลังสภาประชาชนแห่งชาติจีน ได้ประทับตรายางอย่างเป็นทางการในวันนี้ (10 มี.ค.) ส่งผลให้การควบคุมและรวบอำนาจของสีแข็งแกร่งขึ้น และจะทำให้เขาดำรงตำแหน่งเป็นประมุขแห่งรัฐคอมมิวนิสต์จีน ที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่สาธารณรัฐประชาชนจีนก่อตั้งในปี 2492

สีได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง โดยสภาตรายางของจีนอีก 5 ปี จากการลงคะแนนเสียงในพิธีการในมหาศาลาประชาชน ณ กรุงปักกิ่ง ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อเป็นนาฏกรรมทางการเมือง เพื่อแสดงความชอบธรรมและความสามัคคีของชนชั้นนำทางการเมืองคอมมิวนิสต์จีน ทั้งนี้ สีได้รับคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์กว่า 2,952 เสียง ตามด้วยการยืนปรบมือกึกก้องในที่ประชุม

การแต่งตั้งสีต่อในอีกวาระนี้ ซึ่งถูกมองว่าเป็นเพียงแค่พิธีการ ทำให้เขากลายมาเป็นผู้นำเผด็จการที่มีอำนาจ และการปกครองเบ็ดเสร็จมากที่สุดของจีนอีกครั้งในรอบหลายทศวรรษ หลังจากสีในวัย 69 ปีได้รับตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนในสมัยที่ 3 ซึ่งทำลายบรรทัดฐานทางการเมืองจีนเดิมเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว

ในประเทศจีน ตำแหน่งประธานาธิบดี หรือ “ประธานแห่งรัฐ” ในภาษาจีน เป็นตำแหน่งทางพิธีการ ซึ่งส่วนใหญ่ อำนาจที่แท้จริงจะอยู่ที่ตำแหน่งเลขาธิการพรรคและประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง ซึ่งเป็นสองบทบาทหลักที่สีได้ขึ้นดำรงตำแหน่งต่ออีกครั้งเช่นกัน อย่างไรก็ดี การได้รับตำแหน่งประมุขแห่งรัฐอีกครั้ง เป็นการสิ้นสุดลงของการเปลี่ยนผ่านสู่อำนาจในทศวรรษที่ 2 อย่างเป็นทางการของสี

การขึ้นดำรงตำแหน่งต่อในวาระที่ 3 ของสี เกิดขึ้นท่ามกลางการสับเปลี่ยนบทบาทผู้นำในรัฐบาลกลางหรือคณะมนตรีรัฐกิจ และองค์กรของรัฐอื่นๆ ที่กว้างขึ้น ซึ่งยิ่งทำให้สีรวบอำนาจมากขึ้น ทั้งนี้ หลี่เฉียง หนึ่งในผู้ที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดของสี ถูกคาดหมายว่าจะได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีของจีนในวันเสาร์นี้ (11 มี.ค.) โดยนายกรัฐมนตรีจีนเป็นผู้มีบทบาท ที่มีอิทธิพลในการดูแลเศรษฐกิจภายในประเทศ แม้ว่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา อำนาจของนายกรัฐมนตรีจะถูกกัดกร่อนอย่างรุนแรงโดยสีเอง ซึ่งนำการตัดสินใจเกือบทั้งหมดไปไว้ในมือของเขาเอง

ในวันเดียวกันนี้เอง สภาประชาชนแห่งชาติจีนยังได้แต่งตั้งผู้นำรัฐคนสำคัญคนอื่นๆ รวมถึง จ้าวเล่อจี ให้เป็นประธานสภาประชาชนแห่งชาติ และ หานเจิ้ง ให้เป็นรองประธานาธิบดีจีน ทั้งนี้ บรรดาผู้นำที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ทั้งหมด ได้ทำพิธีสาบานตนต่อรัฐธรรมนูญจีนอย่างเปิดเผยภายในมหาศาลาประชาชน

สภาประชาชนแห่งชาติยังอนุมัติแผนการปฏิรูปสถาบันภายใต้คณะมนตรีรัฐกิจ รวมถึงการจัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินและสำนักงานข้อมูลสถิติแห่งชาติ และการปรับปรุงกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งนี้ การยกเครื่องการปกครองใหม่ถูกมองว่าเป็นอีกขั้นหนึ่งของสี ในการเสริมสร้างการควบคุมของพรรคคอมมิวนิสต์ในประเด็นสำคัญของการกำหนดนโยบาย

ในขณะที่สีครองอำนาจอย่างมั่นคง ประธานาธิบดีจีนคนใหม่คนเดิมเผชิญกับความท้าทายมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนกำลังดิ้นรนเพื่อฟื้นตัวจากระยะเวลา 3 ปีของมาตรการโควิดเป็นศูนย์ที่รุนแรง ที่ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนกำลังลดลง และวิกฤตการณ์ทางประชากรกำลังปรากฏขึ้น ในขณะที่จีนมีประชากรลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ทศวรรษ

นอกจากนี้ จีนยังเผชิญกับกระแสต่อต้านทางการทูตจากสหรัฐฯ และชาติตะวันตกอื่นๆ เนื่องจากความสัมพันธ์ที่ตกต่ำลงในช่วงไม่กี่ปีมานี้ อันเป็นผลมาจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนของทางการจีน การเสริมกำลังทหาร การจัดการกับโควิด-19 และความเป็นหุ้นส่วนที่เพิ่มมากขึ้นของจีนกับรัสเซีย ทั้งนี้ ในการกล่าวสุนทรพจน์อย่างตรงไปตรงมา ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อวันจันทร์ (6 มี.ค.) สีได้กล่าวหาสหรัฐฯ ว่าเป็นผู้นำการรณรงค์เพื่อปราบปรามจีน และก่อให้เกิดปัญหาภายในประเทศอย่างร้ายแรง

“ประเทศตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ ได้ควบคุมและปราบปรามเราในทุกด้าน ซึ่งนำมาซึ่งความท้าทายอย่างรุนแรงที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนต่อการพัฒนาของเรา” สีกล่าวกับกลุ่มที่ปรึกษารัฐบาล ซึ่งเป็นตัวแทนจากภาคธุรกิจเอกชนนอกรอบการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ

สีได้เข้าสู่พรมแดนทางประวัติศาสตร์ใหม่แล้ว หลังจากไม่มีผู้นำจีนคนใดดำรงตำแหน่งประมุขมานานเกินกว่า 10 ปี รวมทั้ง เหมาเจ๋อตุง บิดาผู้ก่อตั้งจีนคอมมิวนิสต์เอง โดย หลิวเส้าฉี ซึ่งรับตำแหน่งประธานแห่งสาธารณรัฐต่อจากเหมาในปี 2502 ถูกปลดลงจากเก้าอี้ในปี 2511 และเสียชีวิตในอีกหนึ่งปีต่อมา ขณะช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรมอันวุ่นวายของเหมา

หลังจากการเสียชีวิตของเหมา เติ้งเสี่ยวผิง ผู้นำสูงสุดคนใหม่ของจีน ได้กำหนดให้มีการจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในรัฐธรรมนูญของจีนตั้งแต่ปี 2525 เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายและหายนะที่เกิดขึ้นในทางการเมืองจีน ภายใต้การปกครองตลอดชีวิตของเหมา เติ้งยังเป็นผู้นำการปฏิรูปสถาบันเพื่อแยกตำแหน่งและหน้าที่ระหว่างพรรคและรัฐให้มีมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี ความพยายามทั้งหมดของเติ้งถูกทำลายลงอย่างราบคาบโดยสี ซึ่งขยายอำนาจของตัวเองเหนือพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างรุนแรง จนเขามีอำนาจเหนือพรรคด้วยตัวเขาเอง ทั้งนี้ ในปี 2561 สภาประชาชนแห่งชาติจีนได้ยกเลิกการจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ในการลงคะแนนเสียงตามพิธี ซึ่งช่วยให้สีสามารถปกครองจีนไปได้ตลอดชีวิตอย่างเป็นผล


ที่มา:

https://edition.cnn.com/2023/03/09/china/china-xi-jinping-president-third-term-intl-hnk/index.html?fbclid=IwAR1-Gz2SX20HmN2esiRnwmXzP92rea7hTuV-bU-MCLSwKSTqFxmYAG5Z6H0