ไม่พบผลการค้นหา
"จาตุรนต์ ฉายแสง" มองฐานเสียง "ประชาธิปัตย์" แตกสองฝั่ง หลังหาเสียงไม่หนุน "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ทำคะแนนเสียงหาย ชี้เป็นผลพวงตลอด 12 ปี ปลูกฝังฐานเสียงนิยมตรงข้ามหลักการฝ่ายประชาธิปไตย

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุถึงกรณีการตัดสินใจเลือกร่วมหรือไม่ร่วม ตั้งพรรครัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า พรรคที่ตกที่นั่งลำบาก ตัดสินใจวางตัวยากที่สุดในขณะนี้คือพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่แค่ประกาศไว้ตอนเลือกตั้งอย่างหนึ่ง แล้วตอนนี้กำลังจะทำอีกอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่ที่ยากกว่าคือ ปชป.ได้คะแนนมาส่วนหนึ่งเป็นเพราะประกาศไม่เอาประยุทธ์ แต่แฟน ปชป.จำนวนมากหันไปสนับสนุน พปชร.ก็เพราะ ปชป.ประกาศไม่เอาประยุทธ์ ปชป.จึงอยู่ในช่วงเสียศูนย์ อิหลักอิเหลื่อ ทำให้หลายคนแม้แต่ใน ปชป. เองก็อาจตั้งคำถามว่าปชป.มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

"คำตอบในเรื่องนี้ไม่ซับซ้อนเลยครับ 12 ปีมานี้ จากการบอยคอตการเลือกตั้ง ขัดขวางการเลือกตั้ง สนับสนุนและแก้ต่างให้กับการรัฐประหาร ปชป.ได้ปลูกฝังให้ผู้สนับสนุนตนเองจำนวนมากนิยมชมชอบระบอบเผด็จการอย่างลึกซึ้ง จนคุ้นชินเป็นปรกติธรรมดาไปแล้ว" จาตุรนต์ ระบุ

โดยอดีตแกนนำทษช. ระบุทิ้งท้ายว่า จะดึงฐานเสียงกลับมาก็ต้องสนับสนุนประยุทธ์ แต่ก็ต้องเสียสัจจะ ยกเลิกสัญญาประชาคมที่ประกาศไว้ในระหว่างเลือกตั้ง จะเลือกทางไหนก็มีทั้งได้และเสียทั้งนั้น 


"จาตุรนต์" ระบุ พรรคประชาธิปัตย์กำลังตกที่นั่งลำบาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลทหารกรุงเทพ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมทนายความ เดินทางมาเพื่อสืบพยานฝ่ายโจทก์คดีความผิดตามมาตรา 116 และเขียนบทความเป็นภาษาอังกฤษลงระบบออนไลน์ มีเนื้อหาเข้าข่ายขัด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์จากกรณีปาฐกถาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย ช่วงเดือนพฤษภาคม 2557 ทั้งนี้ ศาลทหารได้เลื่อนการสืบพยานไปเป็นวันที่ 30 กันยายน 2562 เนื่องจากพยานติดภารกิจ ไม่สามารถเดินทางมาให้การได้ 

นายจาตุรนต์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าในศาลทหาร ว่า การตั้งรัฐบาลครั้งนี้ดูจะยุ่งยากพอสมควร เนื่องจาก ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายที่แข่งกันอยู่ ได้เสียงก้ำกึ่งกัน แต่ว่าทางฝ่ายพลังประชารัฐได้ชิงความได้เปรียบไปแล้ว จากการเลือกประธานสภา แต่ในการเลือกประธานสภาก็สะท้อนให้เห็นว่ามีปรากฏการณ์งูเห่าเกิดขึ้นแล้ว เพียงแต่ไม่เปิดเผยตัวตน แต่ถ้าเป็นการเลือกนายกถ้าจะได้เสียงเกินครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรก็จะต้องมีการเปิดเผยตัวของงูเห่า ซึ่งเป็นเรื่องยาก คนก็จะไม่ยอมรับ นอกจากนั้นการตั้งรัฐบาลนี้จะประสบความยากลำบากมาก เพราะพรรคที่จะไปร่วมรัฐบาลบางพรรค เช่น พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย จะต้องผิดสัญญาประชาคม ถ้าสามารถตั้งรัฐบาลขึ้นได้ ก็จะเป็นรัฐบาลที่ได้สะสมเอาความไม่ชอบธรรมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เขียนกติกา การแทรกแซงด้วยมาตรา 44 การเป็นรัฐบาลรักษาการ ที่ใช้งบประมาณรัฐบาล หาเสียง การแทรกแซงการเลือกตั้ง รวมทั้งการแทรกแซงการทำงานของ กกต.จนทำให้กกต.ไม่เป็นกลาง การนับคะแนน การคำนวณจำนวนส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อหลายอย่างเป็นความไม่ชอบธรรม รวมถึงในตอนนี้ การมีงูเห่าก็เป็นการไม่ชอบธรรม

ส่วนการต่อรองผลประโยชน์ก็ทำกันอย่างไม่ต้องเกรงใจใครเลย เพื่อผลประโยชน์ของพรรคตนเอง ไม่ต้องคำนึงถึงหลักการใดใด เพราะฉะนั้นขณะนี้ การจัดตั้งรัฐบาลอาจจะตั้งสำเร็จก็ได้ แต่ก็จะเป็นรัฐบาลที่ขาดความชอบธรรมอย่างรุนแรง หน้าตาของรัฐบาลใหม่ก็จะเป็น พวกที่เอาเปรียบฝ่ายตรงข้ามมาเป็นรัฐบาลส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็เป็นพวกที่ไม่รักษาคำพูด อีกส่วนก็คือได้ประโยชน์มาจากการบิดเบือนกฎกติกา โดยกกต. อีกส่วนหนึ่งก็มาจากการที่เป็นงูเห่า หน้าตาของรัฐบาลนี้ก็จะไม่สมประกอบ ขาดความชอบธรรมอย่างรุนแรง 

 นายจาตุรนต์ กล่าวถึงสถานการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนี้ ว่า พรรคประชาธิปัตย์อยู่ในฐานะที่ลำบาก เพราะหัวหน้าพรรคเดิม คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยประกาศหลักการไม่สนับสนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ถ้าร่วมรัฐบาลก็จะไม่ตรงกับที่ประกาศไว้ จะอ้างว่านายอภิสิทธิ์ลาออกแล้วก็ไม่ได้ ผิดหลักการ ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ตกในที่นั่งลำบาก ว่าจะเลือกรักษาคำพูดหรือ จะเลือกเอาใจแฟนคลับของตนเอง หรือผู้สนับสนุนของตนเอง อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ ใครจะคิดแทนพรรคประชาธิปัตย์ก็คิดยาก เพราะพรรคประชาธิปัตย์ผู้สนับสนุนของเขาจำนวน หนึ่ง สนับสนุน เพราะว่า นายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ประกาศไม่เอาพลเอกประยุทธ์ ขณะเดียวกัน ผู้สนับสนุนอีกจำนวนมากก็ย้ายไปสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ เพราะเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ประกาศไม่เอาพลเอกประยุทธ์ เวลานี้พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องคิดว่าทำอย่างไร จะดึงแฟนคลับเก่าของตนเองกลับมาได้ แต่ถ้าจะเอาผู้สนับสนุนเก่ากลับมา ก็ต้องเข้าร่วมกับรัฐบาลประยุทธ์ แต่ก็จะเสียคำพูด เสียหลักการที่ได้ประกาศไว้กับสังคม

นอกจากนี้ การที่พรรคประชาธิปัตย์ตกที่นั่งลำบาก เพราะว่า 12 ปีมานี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำให้ผู้สนับสนุนตนเอง เข้าใจและนิยมชมชอบระบอบเผด็จการไปแล้ว การขัดขวางการเลือกตั้ง การส่งเสริมให้มีการรัฐประหาร การแก้ต่างแทนการรัฐประหาร สิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นในช่วง 12 ปี ทำให้ผู้สนับสนุนประชาธิปัตย์ ได้มีความนิยมชมชอบระบอบเผด็จการไปแล้ว วันนี้พรรคประชาธิปัตย์จะทำเป็นว่ายังสนใจประชาธิปไตย จะแก้รัฐธรรมนูญ ก็ฟังไม่ขึ้นแล้ว มันขัดกับผู้สนับสนุนตัวเองด้วย เพราะฉะนั้นตนคิดว่า พรรคที่ไม่รู้ว่าตนเองจะเอาอย่างไรดีก็คือพรรคประชาธิปัตย์ 

นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลใหม่หากสามารถตั้งได้ เขาจะอยู่ได้ด้วยการอาศัยงูเห่า ถ้าระบบการนับคะแนนเป็นแบบใช้เวลายาวนานเช่นนี้ ก็อาจจะมีเวลาให้มีการซื้อตัวกัน จ่ายเงินกันข้างห้องประชุม ในห้องน้ำ มันก็จะเป็นรัฐบาลที่ทุลักทุเลเต็มที และก็ขาดความชอบธรรม ซึ่งทำให้รัฐบาลนี้ไม่น่าจะอยู่ได้นาน แต่ถ้าจะอยู่ได้นานก็ต้องใช้อำนาจ และก็ใช้ผลประโยชน์ต่อรองแลกเปลี่ยนกัน รวมทั้งต้อง ใช้วิธีซื้อตัวนักการเมืองจากพรรคอื่นมาสนับสนุนอยู่เรื่อยๆ ซึ่งหาก อยู่ได้นานก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ แต่ว่าจะไปดูถูกเขาก็ไม่ได้ เพราะว่าเขาใช้วิธีได้สารพัด ใช้กลวิธีเล่ห์เหลี่ยมต่างๆได้สารพัด รวมทั้งใช้อำนาจและผลประโยชน์ เข้าแลกก็อาจอยู่นานได้ แต่ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งเกิดความเสียหายกับประเทศชาติ