ธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะการแก้ปัญหาผลกระทบของโควิด-19 ที่จะต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการฉีดวัคซีนให้กับพี่น้องประชาชน
ส่วนกรณีที่ ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เตรียมจะยื่น ป.ป.ช.เพื่อให้ตรวจสอบการทุจริตต่อไปนั้นก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ รัฐบาลก็ไม่ได้กังวลอะไรเพราะไม่ได้ทำอะไรผิดหรือมีการทุจริต รัฐบาลพร้อมที่จะถูกตรวจสอบ
ธนกร กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า การอภิปรายครั้งนี้ถือว่ากรีดแผลแล้วจะโรยเกลือต่อนั้น ฝากเตือนให้ระวังมีดจะบาดตัวเองเลือดไหลไม่หยุด เพราะทราบว่ามี ส.ส.พรรคก้าวไกลหลายคนยกมือสนับสนุน อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นการส่งสัญญาณว่าน่าจะไม่อยู่พรรคนี้แล้วใช่หรือไม่ เข้าใจว่า ส.ส.กลุ่มนี้คงอึดอัดและรับไม่ได้กับแนวคิดของพรรคที่ต้องการให้มีการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยทั้งประเทศไม่เห็นด้วย เพราะขนาดมีมาตรา 112 ก็ยังไม่ได้เกรงกลัว กลับจงใจจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไม่ยำเกรงกฏหมาย
ฝากบอก พิธาด้วยความหวังดีว่า อย่าเป็นร่างทรงใครเลย พิธาเป็นคนมีความรู้ความสามารถ ควรนำพรรคก้าวไกลมาทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์แบบฉบับการเมืองใหม่น้ำดี จะมีประชาชนสนับสนุนเพิ่มมากขึ้น พิธาอายุยังน้อย ยังมีเวลากลับตัวกลับใจ
ก่อนหน้านี้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงผลการลงมติอภิปรายไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลว่า เหมือนเป็นการกรีดแผลในสภาฯ และจะมีการโรยเกลือต่อไป จะตามสิ่งที่เราได้อภิปรายไปแล้ว เพราะ 4 วันที่ผ่านมาเป็นโอกาสใช้อำนาจอธิปไตยที่ประชาชนมอบให้มาตรวจสอบการบริหารราชการของรัฐบาล ยืนยันเราทำอย่างสุดความสามารถ ผลที่ออกมาประชาชนเห็นอยู่ว่าแตกต่างกันอย่างไร สะท้อนปัญหาของประเทศจริงหรือไม่ เช่น เรื่องการศึกษาที่มีปัญหา ปัญหาเกี่ยวกับแรงงานที่มีปัญหาอยู่
พิธา ระบุว่า หลังจากนี้อย่างน้อยคงมีการปรับ ครม. โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านก็จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่และหนักมากขึ้น