กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐอเมริกา ประกาศให้ร้านจำหน่ายอาวุธปืนเป็นหนึ่งในกิจการที่ได้รับการผ่อนผันในช่วงล็อกดาวน์ของแต่ละรัฐ โดยจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับโรงพยาบาล ร้านขายยา และร้านขายของใช้ในชีวิตประจำวัน สามารถเปิดให้บริการได้ แต่ร้านอาหาร สนามกีฬา สวนสาธารณะ และโรงเรียน-มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ถูกระงับไปจนถึงปลายเดือน เม.ย. เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
สำนักข่าว AP รายงานอ้างอิงถ้อยแถลงของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิฯ ซึ่งระบุว่า ประกาศดังกล่าวเป็นแนวทางปฏิบัติให้รัฐบาลท้องถิ่นในแต่ละรัฐนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมเท่านั้น ไม่ใช่ข้อบังคับที่มีผลตามกฎหมาย แต่กลุ่มผู้เรียกร้องให้ควบคุมอาวุธปืนในสหรัฐฯ วิจารณ์ว่ารัฐบาล 'โดนัลด์ ทรัมป์' ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน เอื้อประโยชน์ต่อสมาคมผู้ค้าและผู้ผลิตอาวุธปืนมากกว่าสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชน
สถิติการซื้อขายปืนในสหรัฐฯ ช่วงต้นเดือน ก.พ.ถึงวันที่ 16 มี.ค.2563 พุ่งสูงขึ้นถึง 300 เปอร์เซ็นต์ อ้างอิงข้อมูลการยื่นคำร้องขอตรวจสอบประวัติผู้ซื้ออาวุธปืนทั่วประเทศในช่วงเวลาดังกล่าว โดยเอพีรายงานว่าร้านขายปืนหลายแห่งมีผู้ต่อแถวยาวเพื่อรอซื้อปืน ซึ่งแถวยาวกว่าปกติเพราะต้องยืนเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตรตามนโยบาย social distancing เพื่อป้องกันโรคระบาด
อย่างไรก็ตาม เอพีระบุว่า การซื้อปืนในสหรัฐฯ มักจะเพิ่มขึ้นอยู่แล้วในช่วงปีที่จัดเลือกตั้ง ซึ่งปีนี้จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี รวมถึงเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.ในหลายพื้นที่ ผนวกกับช่วงที่มีการประกาศล็อกดาวน์ จำกัดการเดินทางของประชาชนในช่วงไวรัสระบาด จึงทำให้สถิติการซื้อปืนเพิ่มขึ้นกว่าหลายปีก่อนหน้า
ส่วนเว็บไซต์ Common Dreams รายงานอ้างอิงแถลงการณ์ขององค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ 'แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล' ประณามรัฐบาลทรัมป์ที่ประกาศว่า "ปืนคือหนึ่งในสินค้าจำเป็น" โดยระบุว่า ในช่วงที่เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดทั่วประเทศ จำนวนบุคลากรการแพทย์และโรงพยาบาลไม่เพียงพอต่อผู้ป่วยอยู่แล้ว การเปิดร้านขายปืนตามปกติยิ่งเพิ่มโอกาสเกิดอาชญากรรมหรือคดีความรุนแรงที่เกี่ยวกับปืนเพิ่มขึ้น ซึ่งคดีเหล่านี้จะยิ่งเพิ่มภาระให้กับบุคลากรการแพทย์เช่นกัน
เออร์เนสต์ คัฟเวอร์สัน ผู้จัดการโครงการยุติความรุนแรงจากอาวุธปืน End Gun Violence ระบุว่า แทนที่รัฐบาลจะใช้มาตรการเชิงรุกในช่วงไวรัสระบาดเพื่อลดการก่อความรุนแรงจากอาวุธปืน กลับให้ความสำคัญกับผู้ครอบครองปืนมากกว่าความปลอดภัยของประชาชน และการให้บริการด้านสาธารณูปโภคที่จำเป็นในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ โดยเขาย้ำว่า "ร้านขายปืนไม่ใช่ธุรกิจที่จำเป็น และควรปิดในช่วงที่เกิดโรคระบาด"
ทั้งนี้ สหรัฐฯ มีสถิติผู้ติดเชื้อสูงที่สุดในโลก รวมกว่า 215,344 ราย และผู้เสียชีวิต 5,112 ราย อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ worldometer วันที่ 2 เม.ย.2563 เวลา 16.50 น.
ภาพปก: กลุ่มผู้สนับสนุนการครอบครองปืนชุมนุมที่กรุงวอชิงตันดีซีเมื่อปี 2562
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: