ไม่พบผลการค้นหา
ประธานรัฐสภา ชี้ธุรกิจการเมืองทำลายระบอบประชาธิปไตย 'ใครมีเงินก็ชนะการเลือกตั้ง' ของบฯ 20 ล้านให้สถาบันพระปกเกล้า พัฒนาหลักสูตรการเมืองสุจริต เชื่อประชาชนตื่นตัวทุกลำดับ

วันที่ 28 มิ.ย. ที่อาคารรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวให้โอวาทกับข้าราชการ เนื่องในวันสถาปนารัฐสภา ครบรอบ 88 ปี ช่วงหนึ่งว่า ที่ผ่านมาระบบรัฐสภาไทยนั้นลุ่มๆ ดอนๆ มีความเปลี่ยนแปลงทั้งด้านดีและด้านลบ แต่โดยรวมถือว่ามีพัฒนาการ อย่างไรก็ตามการใช้รัฐธรรมนูญมา 20 ฉบับ สะท้อนให้เห็นว่าการเมืองไทยไม่ราบรื่น แต่พบความตื่นตัวของประชาชนเรื่องประชาธิปไตยชัดเจนขึ้นในทุกลำดับ

สำหรับปัญหาเรื่องการทุจริต ทั้งจากข้าราชการและนักการเมือง จะเห็นว่าแม้บุคคลนั้นๆ จะจบการศึกษาสูงและมีกฎหมายที่ดีคอยควบคุม แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เนื่องจากปัญหาอยู่ที่ภาคปฏิบัติ คือพฤติกรรมของตัวบุคคล 

ในปัจจุบันพบว่า มีธุรกิจการเมืองเกิดขึ้น มีการซื้อเสียงที่หวังเข้ามาหาทุนคืน ไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งใครมีเงินก็ชนะการเลือกตั้ง ดังนั้นจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ จึงได้ของบประมาณ 20 ล้านบาท เพื่อให้สถาบันพระปกเกล้า พัฒนาหลักสูตรสร้างการเมืองที่สุจริต เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้ทุกส่วนได้ศึกษาและเป็นภูมิต้านทานป้องกันปัญหาธุรกิจการเมือง แม้ดูแล้วในยุคนี้จะทำยาก แต่ดีกว่าไม่ทำ ไม่ยับยั้งและปล่อยไปตามกระแส

นายชวน ยกตัวอย่างว่า เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ไม่มีการซื้อเสียง มีเพียง "ส.ส.ปลาทูเค็ม" ที่แจกปลาทูเค็มแลกคะแนนเสียง

ทั้งนี้ การก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ แม้จะเป็นสถานที่ขนาดใหญ่ แต่สภาพและขนาดของสถานที่ไม่สามารถวัดความสำเร็จและคุณภาพของงานได้ ถ้าพฤติกรรมของคนมีปัญหา จึงขอให้ข้าราชการยึดถือในความถูกต้อง อย่าให้มีปัญหาฟ้องร้องเกิดขึ้น เพราะนักการเมืองเข้ามาในสภาเพียงแค่ชั่วคราว แต่ข้าราชการต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ตลอดไป

ประธานรัฐสภา กล่าวด้วยว่า ได้กำชับกับทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อย่าให้มีการต่อสัญญาการก่อสร้างออกไปอีก และให้เร่งแก้ปัญหาที่ติดค้างให้เสร็จ

ในส่วนของปัญหาการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณอาคารรัฐสภา จะเร่งหารือเจรจากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก่อนที่ปัญหาจะบานปลาย เนื่องจากแบบของสะพาน บดบังทัศนียภาพของอาคารรัฐสภา และไม่เป็นตามเจตนารมณ์ของผู้ออกแบบ โดยในการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะขอให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมาธิการกิจการสภาได้เข้ามาร่วมพูดคุยด้วย เพื่อหาข้อยุติโดยเร็ว