นอกจากนี้ คณะกรรมการอภัยโทษมาเลเซียยังได้ลดค่าปรับที่เรียกเก็บจากนาจิบลงเหลือ 50 ล้านริงกิต (ประมาณ 373 ล้านบาท) จากเดิมที่มีการตัดสินปรับเงินนาจิบที่ 210 ล้านริงกิต (ประมาณ 1.56 พันล้านบาท)
ทั้งนี้ นาจิบจะต้องจ่ายเงินเต็มจำนวน เพื่อเป็นการการันตีการปล่อยตัวเขาในเดือน ส.ค. 2571 โดยหากเขาไม่ชำระเงิน โทษจำคุกของเขาจะถูกขยายออกไปอีกปีหนึ่งจนถึงปี 2572
นาจิบถูกตัดสินลงโทษจำคุกจากศาลในปี 2563 หลังจากใช้เวลา 2 ปีในการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อศาล
ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (30 ม.ค.) มีรายงานว่าคณะกรรมการอภัยโทษของมาเลเซียได้ประชุมกันในวันสุดท้ายของรัชสมัยของสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลละฮ์ ชะฮ์ แห่งรัฐปะหัง เพื่อพิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวของนาจิบ ก่อนที่สมเด็จพระราชาธิบดีอิบราฮิม อิซมาอิล แห่งรัฐยะโฮร์ จะทรงขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์แห่งมาเลเซียต่อเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (31 ม.ค.)
องค์การสหมาเลย์แห่งชาติ หรือกลุ่มอัมโนของนาจิบ ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นแกนนำแนวร่วมรัฐบาลมาเลเซีย กำลังหาทางยื่นขอพระราชทานอภัยโทษอดีตนายกรัฐมนตรีต่อพระมหากษัตริย์มาเลเซีย หลังจากหมดหนทางทางกฎหมายอื่นๆ ในการอุทธรณ์คำตัดสินเดิม
เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน เจ้าหน้าที่มาเลเซียนำตัวนาจิบออกจากเรือนจำ ก่อนเดินทางไปยังศาลในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อให้การในการต่อสู้คดี โดยมี รซมะฮ์ มันโซร์ ภรรยาของเขาอยู่เคียงข้าง เทั้งนี้ นาจิบยังคงเผชิญหน้ากับข้อหาอื่นๆ อีกมากมาย
ปัจจุบันนี้ นาจิบยังคงได้รับความนิยมในหมู่ผู้สนับสนุนกลุ่มอัมโนระดับรากหญ้า นอกจากนี้ ไม่มีผู้นำอัมโนคนใดที่ได้รับความนิยมเท่ากับนาจิบ ยิ่งไปกว่านั้น พรรคอัมโนยังคงเป็นหนึ่งในพรรคที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย และเป็นส่วนหนึ่งของพรรคร่วมรัฐบาลที่มี อันวาร์ อิบราฮิม ศัตรูเก่าของนาจิบ กำลังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่
ที่มา: