ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี ยืนยันเดินหน้าโครงการใหญ่ในอีอีซี ไม่เคยหยุดนิ่งแม้เผชิญโควิด-19 ขออย่าพูดว่าไทยไม่น่าลงทุน พร้อมยืนยันใช้งบประมาณอย่างประหยัด เท่าที่จำเป็นเพราะประชาชนยังได้รับความเดือดร้อน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 (ศบศ.) ว่า การประชุมได้ดำเนินการมาตามลำดับ โดยต้องพิจารณาในส่วนที่เป็นปัญหาทั้งระยะปานกลางและระยะยาว เพราะไม่ชัดว่าสถานการณ์โควิด-19 จะสิ้นสุดในช่วงเวลาใด ดังนั้นต้องเตรียมมาตรการที่เหมาะสมให้พร้อมกับสถานการณ์และทันเวลา  

ดังนั้นที่ประชุมจึงได้มีการเสนออนุมัติหลักการในโครงการอยู่หลายลักษณะทั้งเรื่องของการดูแลเศรษฐกิจฐานราก การดูแลในส่วนของผู้ประกอบการ และโครงสร้างพื้นที่ฐาน รวมถึงการลงทุนภาครัฐ และการลงทุนในส่วนที่จะทำอย่างไรให้การลงทุนในประเทศนั้นมีความต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้หลายประเทศให้ความสำคัญในเรื่องนี้และพยายามติดต่อขอเข้ามาดูกิจการและติดตามแผนการลงทุน  

นายกรัฐมนตรี ยังระบุถึงการลงทุนต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC และการลงทุนแบบ PPP โดยทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา การตกลงทำสัญญา ซึ่งรัฐบาลไม่เคยหยุดนิ่งในการดำเนินการได้มีการติดต่อประชุมทางไกลร่วมกันมาตลอด และมีความคืบหน้าตามลำดับ แม้ว่าจะมีปัญหาโควิด-19 ก็ตาม ดังนั้นจึงขออย่าพูดให้เกิดความเสียหาย ในกรณีที่ไม่มีใครอยากมาลงทุนในประเทศไทย เพราะไม่เหมาะสมและขัดกับข้อเท็จจริง นายกรัฐมนตรียังย้ำให้ความสำคัญกับการดูแลผู้มีรายได้น้อย คือการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงมีมาตรการต่างๆ เฉพาะกลุ่มลงไปอีก 

นายกรัฐมนตรี ระบุว่าที่ประชุมยังมีข้อเสนอหลายอย่างที่มาจากฝ่ายภาคธุรกิจ โดยยืนยันว่าไม่ได้เป็นการดำเนินการเพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจ แต่เป็นการรับฟังข้อเสนอแนะว่าภาคธุรกิจจะทำงานประเภทใดและโครงการใดที่จะดูแลผู้มีรายได้น้อย รวมถึงการลงทุนระยะยาว เพื่อให้มีรายได้กลับเข้ามาในประเทศ ในขณะที่รายได้ประเทศไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องมีการลงทุน และการลงทุุนไม่ใช่เพียงแค่ระยะเวลา 1-2 ปี อาจใช้เวลา ถึง 10 ปี  พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะใช้งบประมาณอย่างประหยัดที่สุด เพราะจะได้ไม่เป็นภาระในอนาคต แต่อะไรที่จำเป็นจะต้องดำเนินการเพราะประชาชนได้รับความเดือดร้อนทั้งประเทศ