สื่อท้องถิ่นมาเลเซียรายงานว่า นายมูห์ยิดดิน ยัสซิน ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ในวันนี้ (16 สิงหาคม) หลังจากที่เขาเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะจากพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ หรือ อัมโน ซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหญ่สุด และเป็นพรรคร่วมรัฐบาลของนายกฯ ยัสซิน เนื่องจากความล้มเหลวในการดำเนินมาตรการรับมือโควิด-19 ที่กำลังระบาดหนักในประเทศ รวมไปถึงการใช้อำนาจของฝ่ายบริหารที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
สำหรับการลาออกในวันนี้ รายงานระบุว่า นายกฯยัสซิน มีกำหนดเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดี อับดุลเลาะห์ อาหมัด ชาห์ ยังดีเปอร์ตวนอากง เพื่อขอกราบบังคมทูลลาออกจากตำแหน่ง พร้อมเปิดทางให้พรรคร่วมรัฐบาลเสนอชื่อผู้เหมาะสมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยบุคคลนั้นนายกยัสซินกล่าวว่าจะต้องเป็นบุคคลที่มาจากพรรคฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม อาจมีควาามเป็นไปได้ที่เกมการเมืองมาเลเซียจะพลิกขั้วไปอยู่ฝั่งพรรคปากาตัน ฮาราปัน ซึ่งเป็นแนวร่วมพรรคฝ่ายค้านที่มีนายอันวาร์ อิบบราฮิม เป็นแกนนำ โดยมีอดีตนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ มูฮัมหมัด คอยให้การสนับสนุน
มูห์ยิดดิน ยัสซิน ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ช่วงเดือนมีนาคมปีที่แล้ว โดยครองเสียงข้างน้อยในรัฐสภา กระทั่งประเทศเผชิญกับวิกฤตของโควิดที่ระบาดหนัก นายกยัสซินนอกจากถูกหลายฝ่ายวิจารณ์ถึงการรับมือแล้ว เขาได้พยายามใช้กลไกต่างๆ โดยเฉพาะการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หลักเลี่ยงการเปิดประชุมรัฐสภาโดยอ้างเรื่องโควิด เป็นเหตุให้พรรคฝ่ายค้านไม่อาจใช้สิทธิในการโหวตไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งหากประกอบกับพรรคร่วมรัฐบาลที่ประกาศจุดยืนไม่สนับสนุน ส่งผลให้มีโอกาสสูงที่นายกยัสซินจะถูกโหวตไม่ไว้วางใจ
กระแสความไม่พอใจในตัวนายกยัสซินรุนแรงขึ้นหลังจากช่วงสองสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่กษัตริย์อับดุลลาห์ ทรงแสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลของยัสซินเพิกถอนนกฎหมายว่าด้วยการใช้สถานการณ์ฉุกเฉินโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐสภาตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญ
หลายฝ่ายจับตามองว่า มีแคนดิเดทที่คาดว่าจะมานั่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนยัสซิน 2 คนคือ อิสมาอิล ซาบรี ยาค็อบ วัย 61 ปี รองนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน และ เตงกู ราซาเลห์ ฮัมซ่าห์ วัย 84 ปี อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังและกระทรวงอุตสาหกรรมของมาเลเซีย ซึ่งทั้งสองมาจากพรรคอัมโน
ส่วนสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดในมาเลเซีย จากข้อมูล ณ วันที่ 15 สิงหาคม มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 20,546 คน และเสียชีวิตเพิ่ม 282 คน ส่งผลให้มาเลเซียมียอดผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 1.4 ล้านคน และเสียชีวิตสะสมแล้วกว่า 12,500 ราย
ที่มา: Straitstimes