ไม่พบผลการค้นหา
'พิเชษฐ์' เตรียมกล่องสุ่มจับสลากประธาน กมธ. หาก 21 ก.ย. นี้ยังคุยไม่ลงตัว ย้ำต้องเร่งเพราะใกล้หมดสมัยประชุม ต้องรักษาผลประโยชน์ประชาชน

วันที่ 19 ก.ย. ที่อาคารรัฐสภา พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ยืนยันว่าสัปดาห์นี้จะต้องได้ข้อยุติเรื่องตำแหน่งประธาน คณะกรรมาธิการสามัญทุกคณะ โดยในวันพฤหัสบดีที่ 21 ก.ย. นี้ จะมีการหารือเพื่อหาข้อยุติอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ได้ให้ไปหารือกันนอกรอบมาถึง 2 ครั้งแล้ว และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 

พิเชษฐ์ กล่าวว่า ได้บอกในที่ประชุมไปแล้วว่าให้เร่งประสานงานเจรจาให้ลงตัว ดังนั้นหากในวันที่ 21 ก.ย. ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง ได้เตรียมกล่องไว้ 2 ใบ ใบหนึ่ง มี 8 หมายเลข คือ 8 พรรค ให้จับลำดับว่าใครจะได้จับสลากก่อน ขณะที่อีกกล่องหนึ่งมี 25 หมายเลข พร้อมชื่อคณะกรรมาธิการ ใครจับได้ก็ได้เป็นประธานกรรมาธิการชุดนั้นไป โดยจับตามสัดส่วนของแต่พรรคที่จะได้ประธานกรรมาธิการตามที่ตกลงไว้

ทั้งนี้ หากพรรคการเมืองไม่ยอมจะทำอย่างไร นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ใครจะยอมหรือไม่ยอม ตัวเองก็ต้องรับผิดชอบ ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมาธิการต้องเดินหน้าได้ เพราะเป็นผลประโยชน์ของประชาชนและปัญหาของประเทศรอไม่ได้ ดังนั้น ขออยู่บนความเป็นกลางและเป็นธรรม จึงต้องรีบดำเนินการ เนื่องจากสมัยประชุมนี้เหลือเวลาเพียง 1 เดือน และจะเปิดอีกทีวันที่ 12 ธ.ค. ซึ่ง สส.จะได้ไปทำงานในพื้นที่ แต่หากหวังจะเอาผลประโยชน์ของ พรรคและความคิดของตนเองเป็นที่ตั้งคงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งได้บอกไปหลายครั้งแล้ว และครั้งนี้ขอจับสลาก

อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ยอมจับฉลากและเจรจากันไม่ได้ วันที่ 27 ก.ย. จะมีการตั้งกรรมาธิการฯ ในสภา และให้ไปโหวตกันในวันที่ 28 ก.ย. ที่มีการประชุมกรรมาธิการนัดแรก ซึ่งถือว่าแผนนี้เป็นขั้นเลวร้ายที่สุด แต่ก็เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย

ส่วนพรรคไหนที่มีปัญหานั้น พิเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าพรรคไหนไม่ยอมทราบ เพียงว่ามีปัญหากัน ในเมื่อมีวิปรัฐบาล มีวิปฝ่ายค้านแล้วยังไม่คุยกัน ก็ต้องทำตามหน้าที่ จะคิดว่าจะรักษาผลประโยชน์ของตนเองและของพรรคนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะประชาชนต้องมาก่อน และถ้าวันที่ 21 นี้จบลงได้ก็ไม่ต้องมีการจับฉลากและการโหวต ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุม มีเวทีให้

"ไม่มีพรรคไหนบอก ต่างคนต่างนิ่ง แต่ขอยืนยันว่าต้องทำตามหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของประชาชน"

พิเชษฐ์ ยังกล่าวถึงผลการเลือกตั้ง จ.ระยอง ที่พรรคก้าวไกลได้ สส.เพิ่มอีก 1 คน และจะส่งผลต่อการเพิ่มประธานกรรมาธิการของพรรคก้าวไกลด้วย โดยระบุว่า ขณะนี้จำนวน สส. มี 499 คน เนื่องจาก กกต. ยังไม่รับรอง ก็ต้องยึดผลอย่างเป็นทางการ และหากยังคุยกันไม่ได้ แล้วมี สส.ออกจากพรรคก้าวไกลไปอีก 1 คน จะทำให้ สส.ของพรรคก้าวไกลหายไป 1 คน อยู่ดี แต่การเสนอชื่อประธานกรรมาธิการก็ต้องจบในวันที่ 27 ก.ย. เพื่อประชุมนัดแรกวันที่ 28 ก.ย. ดังนั้นสัดส่วน สส. ก็ยังตามเดิม

ส่วนที่มีกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคก้าวไกลมีแผนจะขับ ปดิพัทธ์ สันติภาดา ออกจากพรรคเพื่อรักษาตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ว่า เป็นความคิดของพรรคการเมือง ซึ่งต้องแล้วแต่ว่าแต่ละพรรคจะมีกลยุทธ์หรือเกมการเมืองอย่างไร ถือเป็นสิทธิของพรรคนั้น ส่วนในแง่ความสง่างามก็แล้วแต่สังคมจะตัดสิน