ไม่พบผลการค้นหา
'จิรายุ' ยังทำงานให้ 'เพื่อไทย' ต่อ หลังคุยกับผู้ใหญ่ปมรับ 'ศักดิ์ดา' เข้าพรรค เผยฟังเหตุผลแล้วพอใจ ลงสมัคร ส.ส.คนละเขต ทางใครทางมัน ย้ำยังรัก 'เพื่อไทย' อยู่ แต่เป็นคนชัดเจน-พูดตรง มองคดี 'อนุรักษ์' ไม่เกี่ยวข้อง เชื่อหากรู้จะมาอยู่เพื่อไทยแต่แรก เรื่องคงไม่เกิด

วันที่ 11 ม.ค. ที่อาคารรัฐสภา จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ระบุผ่าน ‘วอยซ์’ ถึงข้อพิพาทกับ ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ที่มาเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งล่าสุดมีการเชื่อมโยงกับที่ อนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ อดีต ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย ที่ศาลฎีกาพิพากษาตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต เนื่องจากเรียกรับเงินสินบนจาก ศักดิ์ดา เมื่อครั้งเป็นอดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล 

โดย จิรายุ ระบุว่า ตนได้ตรวจสอบสำนวนคดีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องไปยังศาลฎีกาแล้ว พบว่า องค์ประกอบส่วนหนึ่งคือ ศักดิ์ดา แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตน ซึ่ง ศักดิ์ดา จะมาอยู่พรรคเพื่อไทยหรือพรรคใดก็ตาม เป็นวิถีทางของท่าน และในอนาคต ไม่ว่า ศักดิ์ดา หรือ อนุรักษ์ จะแก้ต่างอย่างไร ก็เป็นเรื่องของแต่ละคน การที่ท่านจะมาอยู่พรรคเพื่อไทย แล้วท่านเดินได้อย่างสง่าผ่าเผยก็เป็นสิทธิของท่าน ส่วนตนไม่มีอะไรที่จะเคลียร์แล้ว เพราะทำตามหน้าที่ตลอด

จิรายุ กล่าวว่า อ่านสำนวนแล้วไม่ได้ชี้เลยว่ามีการเรียกรับเงินจริงหรือไม่ ดังนั้น ไม่อาจรู้ได้ว่า อนุรักษ์ เรียกรับเงินจริงหรือไม่ แต่มีหลักฐานการเรียกเอกสารขึ้นมา โดยอ้างว่าไม่ใช่สิทธิของ อนุรักษ์ ในฐานะอนุกรรมาธิการงบประมาณฯ ซึ่งตนก็ไม่ก้าวล่วงคำพิพากษาของศาล เพียงแต่ยังไม่เห็นการเรียกรับเงินในสำนวนฟ้อง ดังนั้น ตนเชื่อว่าการที่ ศักดิ์ดา จะเข้ามาพรรคเพื่อไทย หากคนเรารู้อนาคตได้ เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น

"คุณศักดิ์ดา อาจจะไม่ได้มีแผนจะเข้ามาอยู่พรรคเพื่อไทยตั้งแต่ต้น ถ้ามีแผนก็คงจะไม่เป็นลักษณะเช่นนี้ เพราะการจะเข้าไปบ้านไหน เราก็ต้องมีเพื่อน ไม่ใช่มีแต่ศัตรู ผมก็ขออวยพรให้ท่านประสบความสำเร็จ เพราะผมเป็นผู้แทนฯ ใน กทม. ไม่ได้ลงในเขต จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีการแข่งขันสูง ในตัวผมก็จุดยืนชัดเจน ผมเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่พอใจก็พูด ถ้าผมมีความสุข ผมก็จะทำ"

จิรายุ ยังเผยความคืบหน้าที่ผู้ใหญ่ในพรรคมาหารือกับตน โดยเคยยืนยันแล้วว่า หากจะนำใครก็ตามที่มีข้อพิพาทกับคนในพรรคเข้ามา ควรจะพูดคุยให้รู้เรื่องก่อน ซึ่งผู้ใหญ่ก็ได้มาพูดคุยกับตนแล้ว ตนก็พอใจในระดับหนึ่ง และที่สำคัญตนไม่ใช่ ส.ส.กาญจนบุรี ไม่มีส่วนได้เสียใดๆ แต่เป็นความรู้สึกว่า ในกรณีที่นำคนเคยทะเลาะมาอยู่ในบ้านเดียวกัน ควรจะบอกเหตุผลกันก่อน ซึ่งเมื่อตนได้รับฟังแล้วก็โอเค

"จริงๆ ผมรักพรรคเพื่อไทยมาตลอด เพียงแต่เมื่อมีเรื่องในบ้านของเรา เราเป็นคน พูดได้ ก็ควรจะพูดบ้าง แล้วผู้หลักผู้ใหญ่มาพูดคุยทำความเข้าใจ ผมโอเคนะ ผมก็ยังยืนหยัดที่จะทำงานให้พรรคเพื่อไทยต่อไป"

จิรายุ ยังย้ำว่า ในอดีต ศักดิ์ดา เป็นข้าราชการประจำในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตนในฐานะฝ่ายค้านต้องตรวจสอบเขา แต่หลังเกษียณอายุราชการ เขาจะมาเป็นนักการเมืองอยู่พรรคใด ก็ถือว่าจบหน้าที่ของแต่ละคนไปแล้ว สิ่งที่เราได้ตรวจสอบไปก็ถือว่าเป็นกงกำกงเกวียนของเขา หากตรวจสอบแล้วเขาบริสุทธิ์ เขาก็ประสบความสำเร็จ หากตนทำไม่ดี ตนก็ไม่ประสบความสำเร็จ

"ผมมีความสุขที่จะเป็นฝ่ายค้าน ตอนเป็นรัฐบาลพูดอะไร ตรวจสอบอะไรก็ไม่ได้เยอะ แต่เป็นฝ่ายค้านจับตรงไหนก็เจอ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีกล่าวหาว่าทุจริตเยอะแยะไปหมด ตอนนี้ก็สบายใจในระดับหนึ่ง" จิรายุ กล่าว