เวลา 22.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน อานนท์ นำภา ทนายความศูนย์สิทธิมนุษยชน ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีการชุมนุม ระบุว่า ขอยืนยัน 3 ข้อเรียกร้องของประชาชน คือ 1.หยุดคุกคามประชาชน 2.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ 3.ยุบสภา ภายใต้ 2 จุดยืน ไม่เอารัฐประหาร และ ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ และ 1 ความฝัน
เวลานี้ทุกคนกำลังถูกใช้อำนาจมืดในการกดดันให้มีการออกหมายจับ อย่างไรก็ตามขอให้เลือกข้างว่าจะอยู่ข้างประชาธิปไตยหรือเผด็จการ ขอให้ระลึกถึงผู้พิพากษา ที่ชือ คณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลา ผู้พิพากษาที่ยืนอยู่ข้างประชาชน ใช้ชีวิตยืนยันว่าต่อให้สูงขนาดไหนก็สั่งเขาไม่ได้
"นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเผด็จการยังมีอีกหลายมาตรการมาจัดการกับเรา ขอให้พี่น้องทุกคนเข้มแข็งระลึกเสมอว่า พวกเรารับไม้ต่อมาจากคณะราษฎร รับไม้ต่อจากคุณจิตร ภูมิศักดิ์ รับไม้ต่อจาก อ.ปรีดี พนมยงค์ ในการทำให้สังคมนี้มีสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยให้ได้ คำวาให้ได้ในที่นี้คือให้มันได้ให้มันจบในรุ่นของเรา"
อานนท์ กล่าวว่า ตอนนี้มีพรรคการเมืองพร้อมลงชื่อให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจ เนื่องจาก ส.ว.ยังไม่น่าไว้วางใจ ผู้มีอำนาจและคนในสภาต้องเลือก สภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.ที่มาจากประชาชนทุกสาขาอาชีพ ภูมิภาค
ทนายความศูนย์สิทธิมนุษยชน กล่าวถึงข้อเรียกร้องในการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า "พวกเราจะฝันต่ออย่างเเน่นอน" เป็นความฝันที่อยากเห็นสถาบันกษัตริย์อยู่คู่สังคมไทย ภายใต้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้เราได้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างแท้จริง
ด้าน ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี แกนนำคณะประชาชนปลดแอก กล่าวว่า จุดยืนของคณะประชาชนปลดแอก ยังย้ำเดินหน้า 3 ข้อเรียกร้อง 2 จุดยืน และ 1 ความฝันภายใต้กรอบของกฎหมาย และหากในเดือน ก.ย.รัฐบาลยังไม่มีการตอบสนองต่อข้อเรียกร้อง จะยกระดับการชุมนุมต่อไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
จากนั้นแกนนำทั้ง 31 ราย ได้ขึ้นมาบนเวที พร้อมให้ประชาชนร่วมเปิดไฟแฟลช และเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นเวทีมาชี้แจงว่าใครมีหมายจับและหมายเรียก แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ขึ้นมา ท้ายที่สุดได้ประกาศยุติการชุมนุมไปในเวลาประมาณ 22.45 น.
