7 พรรคร่วมฝ่ายค้านแถลงผลการหารือเกี่ยวกับการเดินหน้ารณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ระบุว่า ทั้ง 7 พรรคจะเดินหน้ารณรงค์กับประชาชนและภาคประชาสังคม เพื่อนำสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ให้เป็นวาระแห่งชาติ ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี 2540 ซึ่งจะต้องใช้เวลายาวนานในการสร้างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ที่จะนำสู่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและแก้ไขความขัดแย้งได้อย่างแท้จริง และเชื่อว่าหากสร้างความเข้าใจให้ประชาชนและมีกระแสสังคมกดดันที่จะยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แม้ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช.ที่ต้องได้เสียง 1 ใน 3 ก็คงไม่อาจฝืนความต้องการของประชาชนได้และน่าจะสนับสนุน
นายปิยบุตร ย้ำว่า ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา รัฐธรรมนูญกลายเป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้ามของผู้มีอำนาจ ส่วนกระแสผู้ที่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มองว่ารัฐธรรมนูญผ่านประชามติมาไม่ควรแก้ไขหรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้เป็นไปเพื่อแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนและยังอาจนำสู่ความขัดแย้งนั้นไม่เป็นความจริง ซึ่ง 7 พรรคฝ่ายค้านจะชี้แจงและตอบคำถามประเด็นนี้ในการรณรงค์ พร้อมย้ำว่า การให้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ดำรงอยู่ต่อไปนอกจากไม่ช่วยแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชนแล้ว ยังเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศและ อาจนำสู่ความขัดแย้งด้วย
ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หาก 7 พรรคฝ่ายค้านได้เป็นรัฐบาลจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรคของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ต่อการพัฒนาประเทศและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชนอย่างกว้างขวาง และจะใช้ช่องทางให้คณะรัฐมนตรีเสนอให้มีการทำประชามติ ซึ่งจะเป็นแรงกดดันหนึ่งให้ ส.ว.เห็นพ้องในความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขหรือยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อย่างไรก็ตามหากรัฐบาล ปัจจุบันเห็นว่าเห็นปัญหาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้และใช้แนวทางทำประชามติไปพิจารณาดำเนินการก็จะเป็นเรื่องที่ดี
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ยืนยันว่า การรณรงค์เพื่อนำสู่การแก้รัฐธรรมนูญหรือยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับของ 7 พรรคไม่ได้เป็นไปเพื่อฝ่ายค้านเท่านั้น แต่เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ โดยเฉพาะจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่สามารถแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้ ซึ่งจำเป็นต้องมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยไม่ใช่ถูกออกแบบโดยคนบาวกลุ่มเท่านั้น
โดยวิปฝ่ายค้านยังไม่มีการพูดคุยถึงการเปิดอภิปราย ผลงานรัฐบาล ซึ่งตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้อภิปรายได้ 1 ปีต่อครั้ง ซึ่งยังพอมีเวลาที่จะหารือกันได้อยู่ แต่ขณะนี้ให้ความสนใจไปที่งบประมาณรายจ่ายประจําปี 2563 ที่รัฐบาลจะต้องเสนอ ซึ่งล่าช้ามานานแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง