ไม่พบผลการค้นหา
รองโฆษกรัฐบาล ย้ำ รัฐบาลมีนโยบาย มาตรการพร้อมรับการหันเหการค้าและการลงทุนผลจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐ เชื่อสามารถเปลี่ยนความไม่แน่นอนเป็นโอกาส พร้อมตั้งทีมวอร์รูมเกาะติดสงครามการค้า เตรียมโรดโชว์สินค้าไทยเจาะตลาดสหรัฐฯ - จีน

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สงครามการค้าที่เกิดขึ้นนั้นนำไปสู่ผลกระทบทั้งด้านบวกและลบซึ่งรัฐบาลนับแต่เข้าบริหารประเทศได้มีการดำเนินการหลายอย่างไปแล้วเพื่อรองรับการหันเหทางการค้าและการลงทุน ด้านการค้าที่จะเป็นผลด้านบวกคือสินค้าไทยมีโอกาสส่งออกไปทดแทนสินค้าสหรัฐฯ ในจีน หรือสินค้าจีนที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ถือเป็นโอกาสสำหรับสินค้าเกษตรและอาหาร อย่างไรก็ตามกลุ่มสินค้าที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตของสินค้าจีน เช่น ชิ้นส่วนเครื่องไฟฟ้า แผงวงจรไฟฟ้า จะได้รับผลกระทบ ในเรื่องนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ได้สั่งการ 1)ตั้งทีมวอร์รูม (War Room) ทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์สงครามการค้าและเสนอแนวทางรับมืออย่างทันท่วงที มีคณะทำงานร่วมภาครัฐและเอกชนด้านพาณิชย์เพื่อจะได้ผลักดันการส่งออกเป็นรายกลุ่มสินค้าและรายตลาด

2)ทำRoad show สินค้าไทยต้องทำอย่างมีเป้าหมายเพื่อเจาะตลาดสหรัฐฯและจีน รวมถึงขยายตลาดใหม่ไปยังอินเดีย ตะวันออกกลางและอาเซียน 3)บูรณาการการทำงานของทูตพาณิชย์และทูตเกษตร นับเป็นครั้งแรกที่สองหน่วยงานจะขับเคลื่อนการส่งออกสินค้าเกษตรไปพร้อมๆกัน 4)ขับเคลื่อนการเจรจาการค้าทั้งในระดับพหุภาคีและทวิภาคี

"อีกประการหนึ่ง การหันเหทางการค้าอาจนำไปสู่การทะลักของสินค้าเข้าไทย กระทรวงพาณิชย์ได้มีการเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับเรื่องนี้แล้วโดยจะใช้กลไกพ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนสินค้าจากต่างประเทศเป็นเครื่องมือในการดูแลผู้ประกอบการไทย" น.ส.รัชดา ระบุ

ในส่วนของการหันเหทางการลงทุน คาดว่าจะเป็นผลกระทบด้านบวกต่อไทย เพราะจะมีนักลงทุนที่คิดย้ายฐานการผลิตออกจากสหรัฐฯ และจีน โดยเฉพาะนักลงทุนที่จะย้ายออกจากจีน เช่น นักลงทุนสหรัฐฯ จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น ณ เวลานี้ มีจำนวน10รายที่ตัดสินใจจะมาลงทุนในไทย เช่น บริษัทRicoh บริษัทDelta และคาดว่าจะมีเพิ่ม เพื่อดึงดูดนักลงทุนกลุ่มนี้ โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯได้มอบหมายให้ BOI ไปดูแล ซึ่งจะดำเนินการสามเรื่องคือ 1) ออกมาตราการที่มากกว่าสิทธิพิเศษด้านภาษีเพื่อดึงการลงทุนมาไทย 2)ตั้งทีมเฉพาะกิจดึงนักลงทุนต่างประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าโดยตรง 3)จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในจีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยุโรป โดยให้ภาคเอกชนและสถาบันการเงินเข้าร่วม เพื่อสนับสนุนแหล่งเงินทุน และเพิ่มความคล่องตัวในการอนุมัติ

น.ส.รัชดา ระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นส่วนงานหลักที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบสงครามการค้าโดยตรง ยังมีงานด้านอื่นๆที่รัฐบาลขับเคลื่อนคู่กันไป เช่น การเสริมศักยภาพและการลดต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมและเกษตร รวมถึงการส่งเสริมทักษะแรงงานและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุนที่จะเข้ามาเพิ่ม แม้จะมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอก แต่แนวทางที่ได้ทำและที่จะทำต่อไปจะนำไปสู่โอกาสเพิ่มศักยภาพในการส่งออก ยกระดับฐานการผลิต ส่งเสริมการถ่ายโอนความรู้ และเพิ่มการจ้างงาน