ไม่พบผลการค้นหา
อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยเซ็นจัดหาวัคซีนครบ 100 ล้านโดสแล้ว ไฟเซอร์ล็อตแรกเริ่มฉีด ส.ค.นี้ ส่วนร้านอาหารในห้างฯ จะเปิดได้เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น หากไม่ดียกระดับมาตรการอีก

วันที่ 20 ก.ค. 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงว่า ขณะนี้เรามีการลงนามในสัญญาจัดหาวัคซีนครบ 100 ล้านโดส แล้ว ประกอบด้วย ของแอสตร้าเซนเนก้า 61 ล้านโดส ซิโนแวค 19 ล้านโดส ไฟเซอร์ 20 ล้านโดส ทำให้ยอดรวมในการจองซื้อและจะส่งมอบภายในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 100 ล้านโดส อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความต้องการฉีดวัคซีนมีมาก กระทรวงสาธารณสุข จะใช้ความพยายามจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมต่อไป

นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับประเด็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า มีไทม์ไลน์โดยวันที่ 23 ก.พ. 2564 คณะรัฐมนตรี เห็นชอบแก้ไขสัญญาจองซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จากเดิม 26 ล้านโดส เป็น 61 ล้านโดส กระทั่งวันที่ 4 พ.ค. 2564 มีการลงนามโดยผู้บริหารแอสตร้าเซนเนก้าและกรมควบคุมโรค โดยหลังจากนั้นกรมควบคุมโรค ได้มีการเจรจากับแอสตร้าเซนเนก้าให้ส่งวัคซีน 6 ล้านโดส ในเดือน มิ.ย. และ 10 ล้านโดส เดือนต่อๆไป

นพ.โอภาส.jpg

อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า แจ้งมาว่า สามารถจัดหาวัคซีนให้กับประเทศไทยได้ประมาณเดือนละ 5-6 ล้านโดส แต่แผนการฉีดวัคซีนของประเทศไทยอยู่ที่เดือนละ 10 ล้านโดส ดังนั้น จึงต้องจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมต่อไป

“สำหรับการลงนามระหว่างกรมควบคุมโรคและบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย ในสัญญามีการระบุว่าผู้ที่ลงนามในสัญญาจะต้องไม่เปิดเผยความลับของสัญญา จะเปิดเผยต้องได้รับความยินยอมร่วมกันก่อน มิเช่นนั้นจะเป็นการทำผิดสัญญาและอาจจะมีการยกเลิกสัญญาและไม่มีการส่งวัคซีนมาให้ประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ในสัญญาไม่ได้มีประเด็นที่ซับซ้อนมากนัก บริษัทเอกชนต้องการให้สัญญาเป็นความลับ เพื่อทำธุรกิจกับอีกหลายประเทศ”  

นพ.โอภาส เปิดเผยว่า วัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับบริจาคจากประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวน 1.5 ล้านโดส จะส่งมอบให้ประเทศไทยในปลายเดือนนี้ คาดว่าจะเริ่มฉีดได้ในต้นเดือน ส.ค. โดยกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายในการฉีด ดังนี้

1) ฉีดบูธตอร์โดส ให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า

2) กลุ่มผู้สูงอายุหรือกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ระบาด

3) ชาวต่างชาติที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงการระบาด

เมื่อถามว่าเมื่อมีการกำหนดมาตรการล็อกดาวน์แล้ว ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าจะสามารถกลับมาเปิดได้อีกเมื่อใด นพ.โอภาส กล่าวว่า เปิดได้อีกเมื่อใดนั้น คงต้องประเมินตามสถานการณ์ เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นก็คงจะมีมาตรการผ่อนปรนให้ แต่ถ้าเกิดยังมีการติดเชื้อในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ก็จะต้องคงมาตรการต่อไป