วันที่ 14 ธ.ค. ศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการเข้าไต่สวนที่ถูกร้องว่ายังถือหุ้นส่วน และเป็นผู้ถือหุ้น และเจ้าของ ห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น ทำให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการหุ้นหรือกิจการของห้างหุ้นส่วน เป็นการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 187 ประกอบพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี 2543 มาตรา 4(1) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) หรือไม่
โดย ศักดิ์สยาม กล่าวว่า ขอขอบคุณศาลที่ให้โอกาสชี้แจงในวันนี้ แต่รายละเอียดทั้งหมดต้องรอคำวินิจฉัย เมื่อถามว่า ฟังแล้วมีความหนักใจอะไรหรือไม่ ศักดิ์สยาม กล่าวว่ารอคำวินิจฉัยดูก่อน เพราะเราได้แจ้งข้อเท็จจริงไปแล้ว และวันนี้ถือว่าชี้แจงได้อย่างครบถ้วน
เมื่อถามว่า ได้ยื่นพยานหลักฐานครบถ้วนหรือไม่ ศักดิ์สยาม ได้พยักหน้าตอบรับ และเมื่อถามต่อว่าฟังการไต่สวนแล้วไม่หนักใจอะไรใช่หรือไม่ ศักดิ์สยาม ปฏิเสธที่จะตอบพร้อมหัวเราะและขออนุญาตกลับก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การนัดไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ใช้เวลาในการไต่สวนกว่า 5 ชั่วโมง ทั้งนี้หลังการไต่สวน ศาลรัฐธรรมนูญแจ้งว่าศาลได้ไต่สวนพยานในคดีนี้รวม 6 ปาก คือ วราภรณ์ เทศเซ็น, ศักดิ์สยาม ชิดชอบ, ศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ, วรางสิริ ระกิติ, ฐิติมา เกลาพิมาย และอัญชลี ปรุดรัมย์
โดยตอบข้อซักถามของศาล และของคู่กรณีคดีเป็นอันเสร็จสิ้นการไต่สวน และศาลนัดฟังคำวินิจฉัยในวันพุธที่ 17 ม.ค. 2567 เวลา 14:00 น.
ในวันเดียวกัน ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หนึ่งในผู้ร้อง ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนภายหลังการสืบพยาน กรณี ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (ในขณะนั้น) ถือหุ้นบุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น
ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า วันนี้มีการสืบพยานทั้งหมด 6 ปาก และขณะนี้สืบพยานไปแล้วครึ่งทาง เหลือพยานอีก 3 ปาก โดยก่อนหน้านี้ศาลได้มีการขอข้อมูลกันมาก่อนแล้ว วันนี้เป็นเพียงการสืบพยานแบบปากต่อปากเท่านั้น ซึ่งศาลจะถามคำถามแล้วก็ให้ตอบเลย
โดย ศาลได้มีการถามหลายประเด็นในเรื่องกิจกรรมของทั้ง 2 บริษัทที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่ากิจกรรมเกิดอย่างไรบ้าง มีการเกิดสัญญากู้ยืมกันจริงหรือไม่ หรือยืมกันปากเปล่าและมีเงินเข้าออกจริงหรือไม่ ซึ่งประเด็นเหล่านี้จะเป็นหลักในการสืบพยานวันนี้
เมื่อถามว่า จากการที่มีการสืบพยานในวันนี้คิดว่านายศักดิ์สยาม ยังมีการถือหุ้นในบริษัทหรือไม่ ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ถ้าพูดตามตรงทางฝั่งผู้ถูกร้องมีการยื่นชี้แจงมาแล้วรอบหนึ่ง ซึ่งตนได้อ่านดูคร่าวๆ พบว่า ยังมีบางจุดที่มีพิรุธ ซึ่งไม่สามารถฟันธงได้ว่าสรุปแล้วเป็นการใช้นอร์มินีหรือไม่ หรือมีการโอนหุ้นกันจริงๆ
ทั้งนี้มีพฤติการณ์ที่น่าสงสัยหลายอย่าง และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและนิติบุคคลต่างๆ ค่อนข้างที่จะพัวพัน และน่าสงสัยพอสมควร จากการไต่สวนวันนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนมากสักเท่าไหร่ คงอาจจะต้องรอพยานอีก 3 ปากที่เหลือ เพราะอาจจะเป็นพยานที่มีความสำคัญต่อคดีนี้พอสมควร
ส่วนพยานในวันนี้มีใครบ้างนั้น ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ไม่ขอระบุชื่อ แต่เป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการทำงบประมาณการเงินในกรณีดังกล่าว