ที่ ห้องพิจารณา 709 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2384/2561 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องพิเศษ หรือภูษิต นาคะพันธุ์ อายุ 54 ปี ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นจำเลย ฐานข่มขืนใจผู้อื่นโดยมีอาวุธ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง, 371, 392 และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ
โดย อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2561 จำเลยได้พกพาอาวุธปืนโคลท์ รีวอลเวอร์ ขนาด.38 สเปเชียล เลขทะเบียน กท.2117198 พร้อมกระสุน แล้วหันปลายกระบอกปืนไปทางรถแท็กซี่รับจ้าง ที่มีนายพิพัฒน์ สีสะออน ผู้เสียหาย ขับตามมา พร้อมกับพูดว่า "ขับตามมาทำไม ให้ถอยรถออกไปวิ่งเส้นอื่น" อันเป็นการข่มขืนใจผู้เสียหายกระทำการใด หรือไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยให้กลัวว่า จะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ โดยมีอาวุธ และทำให้เกิดความกลัวหรือตกใจโดยการขู่เข็ญ จนผู้เสียหายจำยอมไม่ขับรถตามหลังรถจำเลยตามที่ถูกจำเลยข่มขู่ จำเลยให้การรับสารภาพ และได้รับการประกันตัว วันนี้จำเลยพร้อมทนายความ เดินทางมาศาลฟังคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว จำเลยยอมรับว่ามีอาวุธปืนไว้ครอบครอง เนื่องจากไว้ป้องกันตัว เพราะทำงานด้านการไต่สวนอาจเกิดอันตราย วันเกิดเหตุจำเลยขับรถมาถึงแยกศูนย์ราชการ พบผู้เสียหายขับช้า จำเลยจึงบีบแตร ผู้เสียหายหยุดรถและบีบแตร จำเลยหยิบอาวุธปืนถามผู้เสียหายว่าไล่ตามมาทำไม
ทั้งนี้ ระหว่างการพิจารณา ผู้เสียหายมาที่ศาล จำเลยได้ขอโทษผู้เสียหาย และผู้เสียหายไม่เรียกร้องค่าสินไหมทดแทน จำเลยได้มอบเงินให้ 2,000 บาท ผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดี จำเลยให้การรับสารภาพ ไม่เคยถูกดำเนินคดีมาก่อน มีภาระต้องดูแลบิดามารดา และเป็นข้าราชการระดับสูงซึ่งเคยทำคุณประโยชน์
พิพากษาจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาและ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ฐานข่มขืนใจผู้อื่นโดยมีอาวุธ จำคุก 2 ปี ปรับ 60,000 บาท และฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง ปรับ 2,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกฐานข่มขืนใจฯ 1 ปี ปรับ 30,000 บาท ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง ปรับ 1,000 บาท รวมจำคุก 1 ปี ปรับ 31,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เยียวยาผู้เสียหายแล้ว จึงให้รอการลงโทษ 2 ปี พร้อมรายงานการคุมประพฤติทุก 4 เดือนใน 1 ปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :