ธนากร คุปตจิตต์ ตัวแทนสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 รอบนี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจใช้ดุลยพินิจออกประกาศหรือคำสั่งของแต่ละจังหวัด ในการควบคุมการแพร่ระบาดได้ โดยการใช้มาตรการส่วนใหญ่เพื่อต้องการตัดวงจรการแพร่ระบาดด้วยการสั่งปิดสถานที่บางแห่งเป็นการชั่วคราว
รวมถึงการสั่งปิดสถานบริการ ผับ บาร์ สถานบันเทิง และสถานประกอบการใดที่เปิดให้บริการคล้ายสถานบริการ ตลอดจนมีการห้ามการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ภัตตาคาร ในบางจังหวัดอีกด้วย ได้ส่งผลกระทบทางตรงต่อธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
"ในทางอ้อมก็ส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ภัตตาคาร ร้านอาหาร สถานบริการต่าง ๆ ทั้งกับผู้ประกอบการ ลูกจ้าง และครอบครัวของผู้ที่เกี่ยวข้องในธุรกิจดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งอย่างต่ำในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ แทนที่จะขายได้ แต่โควิดระบาดกระทบยอดขายหายไป 20% ซึ่งปกติช่วงปีใหม่จะมีเงินสะพัดประมาณ 5 พันล้านบาท"
ขณะเดียวกันการแพร่ระบาดโควิดในครั้งนี้ ยังส่งผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจมากกว่าครั้งแรก เนื่องจากมาเกิดขึ้นในช่วงเวลาของเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ผู้คนโดยทั่วไปต่างมีความหวังจะได้ร่วมสังสรรค์รื่นเริงและมีการจับจ่ายใช้สอยดังที่รัฐบาลได้ออกโครงการ เราเที่ยวด้วยกันและการประกาศวันหยุดเพิ่มเติม เพื่อต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจและคาดหวังทำให้เกิดการหมุนเวียนทางด้านเศรษฐกิจ
ธนากร กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการช่วยลดการแพร่ระบาดและตัดวงจรการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ อันเป็นการแพร่ระบาดที่แตกต่างจากครั้งแรกเป็นอย่างมาก มาตรการที่จะช่วยลดการแพร่ระบาดให้ได้ผลดีที่สุดในสถานการณ์นี้คือ ต้องร่วมกัน “อย่าเพิ่งออกไปไหน หากไม่จำเป็น” ภายใต้เครื่องมือของการเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing)
ในส่วนของภาครัฐก็ควรรณรงค์และสนับสนุนผู้ประกอบการและผู้บริโภคในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือออนไลน์ เพื่อช่วยทางอ้อมในการลดการสัญจรการเดินทางและเป็นการเว้นระยะห่างทางสังคมไปในขณะเดียวกันอีกด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนของอุตสาหกรรมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภาครัฐก็ทบทวนมาตรการการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้ประกาศห้ามโดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยให้ยกเลิกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีการหรือในลักษณะการขายทางอิเล็กทรอนิกส์
แต่ให้มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทางอิเล็กทรอนิกส์โดยห้ามการขายให้กับบุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์และห้ามขายในวัน เวลา และสถานที่ที่กฎหมายห้ามไว้ด้วย ก็จะสามารถลดปัญหาการออกไปไหน โดยไม่จำเป็น ซึ่งเป็นการเว้นระยะห่างทางสังคมอีกด้วย เพราะคนเพียงหนึ่งคนที่มีเชื้อโรคโควิด 19 ที่ไม่แสดงอาการ อาจจะไปแพร่เชื้อโรคโควิด 19 ได้ ในขณะเดียวกันผู้ที่ไม่มีเชื้อโรคโควิด 19 อาจจะไปรับเชื้อเข้ามาแพร่ระบาดในครอบครัวหรือชุมชนของตนเองก็ได้เช่นกัน
อ่านเพิ่มเติม