อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 15 ก.ย. 2563 ครม.มีมติรับทราบและอนุมัติตามการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ (คกง.) เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2563 ดังนี้
1.อนุมัติโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด ของกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) กรอบวงเงินรวม 13,904.50 ล้านบาท มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นการผลิตให้กับเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกร สนับสนุนสมาชิกแปลงใหญ่ จัดหาปัจจัยการผลิต ส่งเสริมคุณภาพและการตลาด วัสดุอุปกรณ์ มีกลุ่มเป้าหมาย สมาชิกแปลงใหญ่ 5,250 แปลง เกษตรกร 262,500 ราย พื้นที่ 5,003,250ไร่ สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน โดยคาดว่าจะเพิ่มรายได้และลดต้นทุน คิดเป็นมูลค่าเพิ่มจำนวน 11,137.88 ล้านบาท จากการนำเทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่มาใช้
2.อนุมัติขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้แก่ประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากเดือนก.ค. 2563 เป็นเดือน ก.ย. 2563 ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อให้สามารถจ่ายเงินเยียวยาให้ครบตามกลุ่มเป้าหมาย กรณีที่ยังจ่ายเงินไม่สำเร็จ พม. จะประสานกับกรมบัญชีกลางเพื่อแก้ปัญหาเลขบัญชีของผู้ได้รับสิทธิ ด้วยการโอนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ตามหมายเลขบัตรประชาชนแทน ต่อไป
3.อนุมัติ ปรับปรุง "โครงการเราเที่ยวด้วยกัน" โดยให้ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง พนักงานรัฐวิสาหกิจ สามารถลาพักผ่อนในวันธรรมดาเพิ่มเติมได้ 2 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลาเมื่อลงทะเบียนใช้สิทธิใน "โครงการเราเที่ยวด้วยกัน" เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในวันธรรมดา เพิ่มความถี่การพักค้าง และกระตุ้นการใช้จ่ายจากกลุ่มที่มีศักยภาพ ดึงกลุ่มผู้มีกำลังซื้อให้ออกเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการ 4 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค.- ต.ค. 2563
เหลือกลุ่มเปราะบางตามเป้าหมาย 22,771 ราย ยังไม่ได้รับเงินโอน
รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2563 อนุมัติขยายระยะเวลาการดำเนินการโครงการจ่ายเงินเยียวยากลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รายละ 3,000 บาท จากเดือน ก.ค. 2563 ถึงสิ้นเดือน ก.ย. 2563
โดยที่ผ่านมา ข้อมูล ณ วันที่ 20 ก.ค. 2563 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ดำเนินการจ่ายเงินเยียวให้กับกลุ่มเปราะบาง ซึ่งประกอบด้วย
1.เด็กที่ได้รับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด
2.ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ
3.คนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ
โดยจ่ายเงินไปแล้วรวมเป็นจำนวนเงิน 6,650,214 ราย วงเงินรวม 19,950.64 ล้านบาท คงเหลือกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่สามารถจ่ายเงินได้สำเร็จ จำนวน 22,771 ราย เนื่องจากผู้ได้รับสิทธิเสียชีวิตในระหว่างการจ่ายเงิน (แต่ทายาทสามารถแจ้งขอรับสิทธิแทนได้) และเกิดปัญหาเกี่ยวกับเลขบัญชีธนาคารไม่ถูกต้อง ไม่มีบัญชีธนาคาร เป็นต้น ทำให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไม่สามารถดำเนินการโอนเงินให้กลุ่มเป้าหมายได้ทันตามกำหนดเวลาเดิม
ทั้งนี้ ที่ประชุม ครม. ได้มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประสานกับกรมบัญชีกลางในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเลขบัญชีธนาคารของกลุ่มเป้าหมาย โดยการโอนผ่านระบบพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชนแทน ส่วนเรื่องรายละเอียดว่าผู้มีสิทธิกลุ่มนี้ต้องดำเนินการอย่างไร ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: