ไม่พบผลการค้นหา
"รยุศด์" แนะรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 3 ข้อ หากต้องการไปต่อ ชี้ หลังโควิด-19 บทพิสูจน์ความเป็นผู้นำ พร้อมระบุปรับครม.อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้าย แต่ควรวางโรดแมปที่ชัดเจนก่อนจัดเลือกตั้ง ลั่นยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อไหร่ สารพัดม็อบ สารพัดปัญหา

นายรยุศด์ บุญทัน ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสามัคคีไทย กล่าวแสดงความเห็นต่อสถานการณ์ทางการเมืองและความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐขณะนี้ ว่า รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเผชิญกับศึกรอบด้านทั้งภายใน และภายนอก ซึ่งหลังวิกฤตโควิด-19 จะเป็นความท้าทายและบทพิสูจน์ความเป็นผู้นำของพล.อ.ประยุทธ์ ที่จะต้องเจอกับสารพัดปัญหา และสารพัดแรงกดดันอย่างแท้จริง ดังนั้น หากรัฐบาลต้องการไปต่อ ตนมีข้อแนะนำฝากไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ 3 ข้อ ดังนี้

1.รัฐบาลต้องกำหนดโรดแมป และมีไทม์ไลน์ที่ชัดเจน ในการบริหารประเทศ จากนั้นต้องประกาศโรดแมป ดังกล่าวว่ารัฐบาลจะทำอะไรบ้างจากนี้ไป ไม่ว่าจะเป็นแผนฟื้นฟูประเทศหลังวิกฤตโควิด-19 ระยะเวลาที่จะใช้นานแค่ไหน กำหนดให้มีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ รวมถึงเงินกู้จำนวนมหาศาลที่รัฐบาลนำมาใช้ ก็ต้องตรวจสอบได้ มีที่มาที่ไปชัดเจนประชาชนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ ไม่เอื้อกลุ่มนายทุน และเมื่อกำหนดระยะเวลาการบริหารประเทศได้ชัดเจน แรงกดดันที่มีต่อรัฐบาลก็จะเบาบางลง ไม่เช่นนั้นหลังยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินเมื่อไหร่ รัฐบาลคงต้องเตรียมรับศึกหนักจากสารพัดม็อบ สารพัดปัญหารอบด้านแน่นอน

2.รัฐบาลต้องปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหญ่ ดึงคนดี เก่ง มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และเป็นที่ยอมรับของสังคมส่วนใหญ่เข้ามาบริหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างเด็ดขาดในการตัดสินใจ ไม่เช่นนั้นรัฐบาลจะพังเอง เพราะที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่ารัฐบาลล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ แม้จะไม่มีปัญหาโควิด-19 ก็ตาม ดังนั้น การปรับ ครม.เศรษฐกิจครั้งนี้ จึงถือเป็นตัวเลือกและตัวช่วยสุดท้ายของรัฐบาล 

3.เปลี่ยนคณะทำงานด้านการสื่อสารทางการเมือง ของรัฐบาล และ พรรคพลังประชารัฐ เพราะที่ผ่านมาการสื่อสารของรัฐบาลไปสู่ประชาชน ยังเป็นลักษณะเชิงรับ ไม่ทันต่อสถานการณ์ ประชาชนเกิดความสับสนในข้อมูลต่างๆ ที่สื่อสารออกไป ความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลก็ลดน้อยถอยลง อะไรที่เป็นผลงาน หรือเป็นประโยชน์กับส่วนรวมก็ควรสื่อสารเชิงรุก ผิดพลาดไม่ได้ยิ่งในสภาวะวิกฤตด้วยแล้ว รวมถึงโฆษกพรรคพลังประชารัฐซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ควรมีท่าทีที่เป็นมิตรกับทุกฝ่าย ไม่ควรมุ่งที่จะปกป้องผลประโยชน์ของพรรคเพียงอย่างเดียว แต่ควรทำให้พรรคเป็นศูนย์กลางความร่วมมือ ดังนั้น นับจากนี้ไปการสื่อสารจึงถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญอย่างยิ่งของรัฐบาลที่จะผิดพลาดไม่ได้เลย

นายรยุศด์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ข้อเสนอแนะดังกล่าวของตนถือเป็นความหวังดี และห่วงใยต่อบ้านเมือง เพราะตนและพรรคสามัคคีไทย ไม่ได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียในกระบวนการทางการเมือง ไม่มี ส.ส.ในสภาฯ ไม่ได้เป็นตัวแปรสำคัญอะไร เพียงแค่ต้องการทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงและสะท้อนปัญหา ความต้องการของพี่น้องประชาชนเท่านั้น