ที่ตลาดพ่อพรหม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำคณะทำงาน แนะนำตัวกับพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนในพื้นที่ที่ออกมาจับจ่ายซื้อของในตลาดพ่อพรหม ซึ่งเป็นตลาดสดขนาดใหญ่ที่มีประชาชนเข้ามาจับจ่ายซื้อของสดอย่างหนาแน่น โดยเฉพาะในช่วงเช้าวันอาทิตย์ มีผู้ให้ความสนใจขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นคณะนายสุวิทย์ได้เดินทางไปยัง อ.จะนะ จ.สงขลาเพื่อร่วมงานเมาลิดและพบปะกับประชาชนในพื้นที่ โดยได้พบกับผู้นำศาสนา ประชาชนและกลุ่มวิชาชีพประมงชายฝั่ง โดยมีประชาชนเข้าร่วมกว่า 1 พันคน นายสุวิทย์ได้กล่าวกับประชาชนในพื้นที่ โดยได้เน้นถึงความสำคัญของพื้นที่ภาคใต้ที่เป็นจุดสำคัญในการเชื่อมโยงประเทศอาเซียนทั้งเหนือและใต้
นอกจากนี้ยังมีความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรมที่เป็นจุดเด่น ซึ่งสามารถนำมาพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ได้อีกมาก พรรคพลังประชารัฐตั้งใจที่จะพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้ให้โตขึ้นอย่างน้อย 2 เท่าใน 4 ปีข้างหน้า โดยเริ่มจากโครงการไทยแลนด์ริเวียร่าในภาคใต้ตอนบน และโครงการด้ามขวาน 4.0 ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง พร้อมทั้งสร้างอัตลักษณ์ของจังหวัดเพื่อดึงดูดธุรกิจและการท่องเที่ยวโดยใช้จุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละพื้นที่ รวมถึงการพัฒนาเยาวชนในพื้นที่ให้มีศักยภาพทางการศึกษาและเรียนรู้ เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ห่างไกลยาเสพติด
นายสุวิทย์ กล่าวด้วยว่า จังหวัดสงขลาและจังหวัดภาคใต้โดยรวมเป็นเมืองที่มีบรรยากาศน่ารักเหมาะแก่การท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก การเป็นสังคมพหุวัฒนธรรมและความหลากหลายของสินค้าเกษตรควรที่จะได้รับการพัฒนาอย่างจริงจังและเป็นระบบ โดยสะท้อนได้จากสินค้าที่มีขายในตลาดนั้น มีทั้งสินค้าฮาลาล และเขียงเนื้อหมู รวมถึงพืชท้องถิ่นที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังมีติ่มซำมุสลิม สะท้อนให้เห็นถึงการหลอมรวมวัฒนธรรมที่น่าสนใจและควรสนับสนุน สามารถนำมาสร้างเป็นอัตลักษณ์เฉพาะพื้นที่ได้
ขณะที่ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมว่าที่ ผู้สมัคร ส.ส.พัทลุง ลงพื้นที่ จ.พัทลุง พบประชาชนกลุ่มทอผ้านิคมลานข้อย พร้อมรับฟังข้อเสนอประชาชนเรื่อง กลุ่มออมทรัพย์ ยางพารา และกลุ่มทอผ้า
โดยทางกลุ่มออมทรัพย์อยากให้มีกฏหมายรองรับเป็นนิติบุคคลเพราะจะได้ช่วยชุมชนแก้ปัญหาหนี้นอกระบบได้อย่างเป็นระบบ นายกอบศักดิ์ ได้ชี้แจงว่า ได้ผลักดันกฏหมายฉบับนี้มาใกล้ถึงฝั่งมากแล้ว โดยกฏหมายจะเข้าสู่สภานิติบัตติ (สนช.) ในช่วงปลายเดือนธ.ค.นี้ ซึ่งจะช่วยให้ชาวบ้านสามารถมีธนาคารของชุมชน สวัสดิการของชุมชนที่ถูกต้องตามกฏหมายต่อไป
นอกจากนี้นายกอบศักดิ์ ยังได้หารือร่วมกับกลุ่มสวนยางพาราและเห็นตรงกันว่าการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้ายางสำคัญมาก ในอนาคตต้องมีกระบวนการให้อุตสาหกรรมและนักวิจัยทำงานใกล้ชิดกับชุมชนเพิ่มขึ้นอีกเพื่อลดต้นทุน ยกระดับการกรีด เก็บยางพารา รวมทั้งการแปรรูปและยกระดับมูลค่าสินค้าส่งออกยาง เช่น การผลิตยางรถยนต์ในประเทศไทย การผลิตหมอนยางพารา ที่นอนยางพารา ผลิตภัณฑ์จากยางพารา นอกจากนี้ยังได้แนะนำชุมชนเรื่องธนาคารต้นไม้และ การแก้ไขกฏหมาย ให้ตัดไม้มีค่าในพื้นที่กรรมสิทธิ์ของเราได้ ที่เป็นโอกาสของชุมชนในการออมและปลูกต้นไม้ยืนต้นมีค่า เช่น พยุง สัก ยางนา ยางป่า เทพทาโร แซมต้นยาง อีกทั้งยังรับทราบข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะของผู้กรีดยางและชาวสวนยางที่มีพื้นที่ ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ที่ยังมีอุปสรรคในการรับการช่วยเหลือจากรัฐบาลต่อไป
"ผมขอโอกาสเลือดใหม่ของพรรคพลังประชารัฐได้เข้ามาทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน และที่สำคัญเพื่อก้าวข้ามขัดแย้ง" นายกอบศักดิ์ กล่าว