พล.ต.ต.พิเชษฐ์ จีระนันตสิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรเชียงใหม่ เดินทางมายัง สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ เพื่อสอบปากคำสมชาย ตาวิโน อายุ 50 ปี คู่กรณีที่ขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับ จารุชาติ มาดทอง อายุ 40 ปี ที่มีชื่อเป็นพยานคนสำคัญที่เห็นเหตุการณ์วรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถยนต์หรูชนดาบตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555
ทั้งนี้ สมชาย ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับคู่กรณีมาก่อน และไม่ทราบด้วยว่า คู่กรณีเป็นพยานในคดีสำคัญและยืนยันว่าไม่ได้รับงานใครมาทั้งสิ้น ตนเองทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ที่โครงการหลวง คืนเกิดเหตุไปดื่มแอลกอฮอล์ที่หอพักของเพื่อน จากนั้นตั้งใจจะไปร่วมงานวันเกิดเพื่อนสาวที่ตนเองชอบพออยู่ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านสันติธรรม อำเภอเมืองเชียงใหม่ แต่ระหว่างที่ขี่รถมาตามถนนห้วยแก้ว คู่กรณีก็ขี่รถจักรยานยนต์มาชนด้านหลัง จนรถตนเองพุ่งไปชนกับเกาะกลางถนนได้รับบาดเจ็บ
หลังกู้ภัยมาช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่มาแจ้งเรื่องค่ารักษาพยาบาล ว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายราว 2,700 บาท ตนเองตกใจมากเพราะไม่มีเงินจ่าย จึงหนีออกจากโรงพยาบาลมาและเดินทางไปยังโรงพยาบาลที่มีสิทธิการรักษาอยู่ จนวันนี้มาทราบว่าคู่กรณีที่เฉี่ยวชนตนเองเสียชีวิต รู้สึกตกใจมากทำอะไรไม่ถูก จากนั้นสมชายได้โชว์บาดแผลบริเวณใบหน้า และลำตัวที่ฟกช้ำจากการถูกรถชน
ด้าน พล.ต.ต.พิเชษฐ กล่าวว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ พบว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุเฉียวชน ส่วนใครผิดใครถูก ทางพนักงานสอบสวนจะดำเนินการตรวจสอบวิเคราะห์อย่างถูกต้องที่สุด ซึ่งคนที่เฉี่ยวชนกันนี้อาจจะแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
คดีนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้บัญชาการตำรวจภาค 5 ได้กำชับให้ตรวจสอบดำเนินการอย่างละเอียดว่าคดีที่เกิดขึ้นมีนัยสำคัญอะไรหรือไม่ ซึ่งเราก็จะตรวจสอบปูมหลังของคู่กรณีทั้งหมด แล้วจะชี้แจ้งให้ทางประชาชนได้ทราบว่าเป็นอย่างไร ส่วนผู้ตายเป็นพยานในคดีสำคัญหรือไม่ หรืออาจจะชื่อตรงกัน ขณะนี้ตนตอบอะไรยังไม่ได้ เพราะไม่มีข้อมูลเรื่องนี้ แต่จะทำการตรวจเช็กให้ละเอียด
สำหรับผู้ตายตอนนี้ขอให้รอผลชันสูตรจากแพทย์ว่าเสียชีวิตเพราะอะไร แต่จากผลที่ออกมาเบื้องต้นนอกจากบาดแผลที่ศรีษะกระแทกกับพื้นถนน ก็ไม่มีบาดแผลอื่นใดนอกจากรถชน แต่จากหลักฐานที่เรามีทั้งจากภาพวงจรปิด พบว่าผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์มาแล้วเฉี่ยวชนกับสมชาย จนสมชายและรถจักรยานยนต์ผู้ตายไปอยู่บริเวณกลางถนน ส่วนจารุชาติ ล้มตรงจุดชนและบาดเจ็บสาหัส ทางเจ้าหน้าที่รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลแต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งขอเวลาการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่อีกซักระยะหนึ่งทุกอย่างจะกระจ่างทุกปม
ขณะที่ทนง พันสี อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 รายในอุบัติเหตุครั้งนี้ เล่าว่าหลังไปถึงที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บรายแรกนอนอยู่ริมทางเท้า ไม่มีชีพจร จึงเร่งช่วยเหลือทำการปั๊มหัวใจ (CPR) ส่วนผู้บาดเจ็บอีกรายนอนอยู่บริเวณเกาะกลางถนน บาดเจ็บเล็กน้อย จากนั้นได้แจ้งขอความช่วยเหลือจากกู้ชีพของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ มาช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บทั้ง 2 รายส่งไปโรงพยาบาล ซึ่งต่อมาทราบว่า ผู้บาดเจ็บที่ไม่มีชีพจรเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง