ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 14 มี.ค. 66 ได้อนุมัติหลักการให้บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด(มหาชน) ดำเนินโครงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 4G/5G บนคลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์(MHz) มีกรอบวงเงินตามโครงการทั้งสิ้น 61,628 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ 14 ปี โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดบริการได้ภายในปี 66 เป็นต้นไป
ตามโครงการนี้ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ จะนำคลื่นความถี่ 700 MHz ที่ได้จากการประมูลมาให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยใช้เทคโนโลยี 4G/5G ให้ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ สามารถพัฒนาบริการใหม่ๆ ตอบสนองความต้องการของตลาด รองรับผู้ใช้บริการรายเดิมบนคลื่น 850 MHz, 2100 MHz และ 2300 MHz ที่สิทธิการใช้คลื่นของ บจม.โทรคมนาคมกำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 3 ส.ค. 68 รวมถึงเพิ่มจำนวนผู้ใช้รายใหม่ๆ ตามแผนการตลาด และเป็นการวางพื้นฐานสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต
โดยมีกลุ่มเป้าหมายทั้งส่วนของลูกค้ารายย่อย 3.6 ล้านราย เช่นลูกค้าเดิมที่ใช้บริการอยู่ 2 ล้านรายและกลุ่มนักท่องเที่ยวขาเข้า 2-4 แสนซิมต่อปี กลุ่มลูกค้า IoT Connectivity และ New devices ลูกค้าองค์กรภาครัฐ ตลอดจนกลุ่มลูกค้าทดแทนโทรศัพท์พื้นฐาน จำนวน 9 แสนเลขหมาย
สำหรับกรอบวงเงินดำเนินการ 61,628 ล้านบาท นั้น แยกเป็น ค่าใช้จ่ายในการลงทุน 30,602 ล้านบาท เช่น ค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ 700 MHz 20,584 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการจัดหาโครงข่ายร่วมกับพันธมิตร 9,300 ล้าบาท และอุปกรณ์โครงข่าย 718 ล้านบาท และเป็นค่าใช้จ่ยในการดำเนินงาน 31,026 ล้านบาท เช่น ค่าดำเนินการโครงข่าย Network Cost 29,236 ล้านบาท ค่าบุคลากร 1,615 ล้านบาท และ ค่าดำเนินการอื่นๆ 175 ล้านบาท
สำหรับโครงการนี้ นอกจากจะเกิดประโยชน์ต่อ บมจ.โทรคมนาคม ให้สามารถสร้างรายได้และพลิกฟื้นธุรกิจในสถานการณ์ที่การแข่งขันสูงได้แล้ว ยังมีผลบวกต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมคือ ผลักดันให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกัน ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ในการช่วยลดต้นทุน ของอุตสาหกรรมในภาพรวม เกิดการแข่งขันในตลาดเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้รับบริการนอกเหนือจากผู้ให้บริการหลัก 3 ราย