วันที่ 17 มี.ค. 2565 ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ซึ่งมาพร้อมกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่สร้างผลกระทบรอบด้านให้กับคนไทย โดยเฉพาะราคาสินค้าแพงขึ้น และคาดว่าจะสร้างปัญหาปากท้องครั้งใหญ่ให้กับประชาชนคนไทย แต่รัฐบาลยังไม่ได้วางแผนรับสถานการณ์แต่อย่างใด แม้กระทรวงพาณิชย์มีความพยายามในการแก้ไขปัญหา แต่ทำแบบลูบหน้าปะจมูก แก้ปัญหาไม่ถูกจุด ไม่ลึกถึงโครงสร้างของปัญหาที่แท้จริง จึงทำให้ราคาสินค้าทั้งอุปโภคและบริโภคแพงท่วมแผ่นดิน ความทุกข์ของประชาชนถูกยกระดับ จากทุกข์ธรรมดาเป็นโคตรทุกข์ ประชาชนกำลังจะอยู่ในสภาพแห้งตาย ทั้งปัญหาราคาน้ำมันที่รัฐบาลเอาไม่อยู่ แผนรองรับชักช้าไม่ทันการณ์ สินค้ากลุ่มอาหารแหล่งโปรตีนราคาถูกที่สุดอย่างไข่ไก่ กลายเป็นราคาแพงสุดกู่ ปรับราคาขึ้น 9 บาทต่อแผง น้ำมันปาล์ม ปรับราคาขึ้น 3 บาทต่อขวด บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปรับราคาขึ้น 25 สตางค์ต่อซอง
นมข้นหวาน ปรับราคาขึ้น 2 บาทต่อกระป๋อง มะนาว ราคากระสอบละ 1,200-1,700 บาท จากเดิมที่ราคา 500-700 บาท ยิ่งราคาแก๊สหุงต้มขึ้นอีกในวันที่ 1 เม.ย. กิโลกรัมละ 1 บาท หากไม่เร่งหาทางแก้ ราคาอาจจะมีการปรับสูงขึ้นไปอีก ซึ่งไม่ว่าจะปรับขึ้นมากหรือปรับขึ้นน้อย จะยิ่งซ้ำเติมความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน พ่อค้า แม่ค้า ร้านอาหารทั้งสิ้น
ตรีชฎา กล่าวว่า จึงอยากให้รัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งหามาตรการรับมือราคาสินค้าแพงโดยด่วน เพราะหากไม่เร่งดำเนินการ อัตราเงินเฟ้ออาจจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์จนเกิดภาวะการจับจ่ายชะงักงันจนเกิดภาวะเงินฝืดก็เป็นได้
ตรีชฎา กล่าวอีกว่า ตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนถ้วนหน้า แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และคณะรัฐมนตรี กลับให้ความสำคัญกับการคุมเสียงคนในรัฐบาลด้วยการนัดกินเลี้ยงสังสรรค์กับกลุ่มก๊วน เพราะหวั่นเจออภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เพียงเพราะกลัวจะไปไม่ถึงประชุมเอเปค แต่ชีวิตของประชาชนถูกแขวนบนเส้นด้าย ไม่รู้ว่าจะมีเงินกินข้าวประทังชีวิตและปากท้องไปถึงวันประชุมเอเปคหรือไม่ มันต่างกันจริงๆ