หลังการปรากฎตัวที่ สน.ปทุมวัน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา “ธนาธร” วางแผนจะเงียบเสียงไปอีกพักใหญ่ จนกว่าจะเลยพ้นสงกรานต์ไป ผู้มีอำนาจคงเห็นแล้วว่า ปฏิบัติการทำลาย “อนาคตใหม่” ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะผ่านคดีความมาตรา 116 นำไปสู่ผลแบบใด- ปรากฎการณ์แบบใด
เป็นอันว่ามีกำลังใจจากคนรุ่นใหม่มอบให้ “ธนาธร” เป็นจำนวนมาก ปรากฎเป็นภาพผู้คนเนืองแน่นรายล้อมธนาธร ทั้งที่สยาม ทั้งที่งานสัปดาห์หนังสือ ทั้งที่พรรคอนาคตใหม่ และที่หน้า สน.ปทุมวัน
เป็นอันว่ามีคะแนนนิยมเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน อันเป็นผลจากการได้เห็น คณะเผด็จการมุ่งทำร้าย-ทำลาย “ธนาธร-อนาคตใหม่” ผ่านวิธีการต่างๆ โดยเฉพาะผ่านปฏิบัติการ IO และปลุกคดีความย้อนหลัง
เป็นอันว่าหนังสือของ “ปิยบุตร-เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่” ที่เคยเขียนไว้สมัยเป็นนักวิชาการ ก็ขายดีทุกเล่ม จนบูธฟ้าเดียวกันต้องตอบผู้อ่านว่า “หนังสือหมดสต๊อคแล้ว” เพราะตลอดงานสัปดาห์หนังสือ ที่หน้าบูธฟ้าเดียวกัน เต็มไปด้วยแผงคนรุ่นใหม่ ไปยืนเลือกซื้อหนังสือ ไปคว้าหนังสือทุกเล่มของปิยบุตร และของสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันกลับบ้านไปเป็นจำนวนมาก
บรรยากาศการ “ปักธงทางความคิด” เป็นไปอย่างประสบความสำเร็จ หลายเสียงบอกว่าต้องขอบคุณนักร้องชื่อดังที่ช่วยเป็นพรีเซ็นเตอร์ขายหนังสือให้ “ปิยบุตร” จนขายดิบขายดี ทว่านี่คือ “วิถีการต่อสู้” ฉบับคนรุ่นใหม่ เมื่อพวกเขาถูกโจมตีว่าหัวอ่อน เชื่อคนง่าย ก็รีบศึกษาค้นคว้าทันที เพื่อจะพิสูจน์ว่า “ข้อโจมตีเหล่านั้นผิดพลาดอย่างร้ายกาจ”
เสาร์ที่ผ่านมา ธนาธร โดยฟ้องด้วย ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 116 ยุยงปลุกปั่น
มาตรา 189 ให้ความช่วยเหลือพาผู้ต้องหาหลบหนี
และมาตรา 215 มั่วสุมชุมนุมเกิน 5 คน
ธนาธร ประกาศตั้งแต่ก่อนไปรายงานตัว,ก่อนเข้าไปรายงานตัว และหลังจากรายงานตัว เป็นฉากฉากอย่างชัดเจน และไม่หวั่นกลัวต่ออำนาจมืดว่า
“ผมไม่มีกฎหมาย ไม่มีอำนาจรัฐในมือ ไม่มีมาตรา 44 ไม่มีปืนหรือคุกตารางไว้จัดการคนที่อยู่ตรงข้าม แต่ผมเชื่อมั่นว่ามีประชาชนหลายล้านคนที่รักความเป็นธรรม ยืนเคียงข้างผม และพร้อมจะแสดงออกว่าพวกเขาไม่ยอมทนกับอำนาจมืดที่จ้องทำลายอนาคตใหม่”
“ผมเชื่อว่าตนเองบริสุทธิ์ ที่ผ่านมาทำทุกอย่างอย่างบริสุทธิ์ใจ การต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมไม่ผิด เป็นสิ่งที่ประชาชนมีสิทธิ์ลุกขึ้นมาต่อต้านได้ ทั้ง 3 ข้อหานั้น ไม่มีความกังวลใจ แต่ถ้าจะมีอยู่บ้างก็แค่คดีนี้ไม่ได้ขึ้นศาลพลเรือน แต่เป็นศาลทหาร ซึ่งผู้สังเกตการณ์จากสถานทูตต่างๆ ก็ได้แสดงความเป็นห่วงในตัวรูปคดี ว่าทำไมขึ้นศาลทหาร”
"อย่าทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของผม เพราะมันไม่ใช่ มันเป็นเรื่องของคนที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมทุกคน"
"ความอยุติธรรมที่ทำกับเราคนหนึ่ง ก็คือความอยุติธรรมที่ทำกับเราทุกคน ดังนั้นฝากไว้ สู้ด้วยกันวันนี้วันแรก"
ให้หลังการปราศรัยเสร็จสิ้น ธนาธร ชูสามนิ้ว สัญลักษณ์แห่งการต่อต้านเผด็จการไทย และระบอบอยุติธรรมแบบไทยไทย ภาพดังกล่าวแพร่กระจายออกไปทั่วโลก
ในบรรดาหลายข้อสังเกตทั้งหลาย ต่อ อนาคตของ “อนาคตใหม่”
ข้อสังเกตของ “ชูวิทย์” น่ารับฟังไม่น้อย โดยเฉพาะหากพิจารณาบนฐานความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่าง ชูวิทย์กับผู้นำกองทัพในเวลานี้
“อนาคตใหม่ถูกผลักให้เป็นฝ่ายค้านแน่นอน”
“หากเดินไม่ดี มีโอกาสที่ธนาธรและเลขาฯพรรคอย่างปิยบุตร จะถูกกำหนดเกมเร็ว การเมืองเล่นงานจนไม่ทันตั้งตัว พรรคร่วมอุดมการณ์หายหน้า ถูกโดดเดี่ยวกลางทะเล”
ความพยายามในการปิดเกมส์เร็วเห็นได้จากจำนวนคดีความที่่พุ่งตรงไปยัง ธนาธร ปิยบุตร และพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า มากกว่า 12 คดี ขณะที่สื่อฝ่ายขวาสร้างภาพให้ “ธนาธร” เลวร้ายยิ่งกว่า “ทักษิณ” และเป็นวายร้ายที่จำเป็นต้องกำจัดก่อนเข้าสู่สภา
นัยยะของการปิดเกมส์เร็วที่ “ชูวิทย์” ได้ตั้งคำถามไว้ จึงเป็นความพยายามในการทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ “ธนาธร” เข้าสู่สภา เพราะหากปล่อยไปถึงจุดนั้น จะเป็นภาคต่อของ “อนาคตใหม่ติดปีก” ได้อวดลวดลายในการเป็นฝ่ายค้านแบบมีชั้นเชิง และมีคุณภาพสูง ในระดับที่รัฐบาล คสช. ก็อาจระส่ำได้จากมือปราศรัยทีมอนาคตใหม่ ที่ไม่ได้เน้นสู้ด้วยวาทกรรมแบบพรรคฝ่ายค้านพรรคเก่าตลอดกาล แต่เน้นสู้ด้วยข้อเท็จจริง และวิพากษ์การทำงานของรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา-เปิดประเด็นใหม่ใหม่ทางการเมือง
ทว่าในความพยายามทำลายอนาคตใหม่วันนี้ ต้องใช้คำว่า “ไม่ง่าย”
ไม่ง่ายเพราะต้องประเมินบนฐานคะแนนเสียง 6.2 ล้านเสียง
ไม่ง่ายเพราะต้องประเมินบนฐานว่า ความหวังของคนรุ่นใหม่ ความหวังของผู้เลือกตั้งครั้งแรก ความหวังของนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย ความหวังของผู้รักประชาธิปไตย ได้ฝากไว้กับอนาคตใหม่เป็นจำนวนมาก การดับความหวังของผู้คนจำนวนมหาศาลเช่นนี้ อาจนำไปสู่การปะทุรุนแรง ด้วยเงื่อนไขเช่นนี้ จึงบีบให้ผู้มีอำนาจต้องประเมินให้ดี!!
ความพยายามในการทำลาย “ธนาธร” ในเวลานี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยังเป็นความพยายามในการทำลายแนวร่วม ที่ได้เคยร่วมลงนามกันใน “สัตยาบันแลงคาสเตอร์”
เหมือนที่ “ภูมิธรรม” ออกมาให้ความเห็นว่า “ผมขอเป็นกำลังใจให้ “คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” และคณะผู้บริหารพรรคอนาคตใหม่ ในสถานการณ์ที่ถูกมุ่งร้ายทางการเมืองครั้งนี้ พรรคอนาคตใหม่แม้จะเป็นพรรคการเมืองใหม่ แต่มีจุดยืนและเจตนารมณ์เพื่อประชาธิปไตยที่แน่วแน่ และเป็นหนึ่งใน 6 พรรคการเมือง ที่ได้ร่วมลงสัตยาบันเป็นแนวร่วมต่อต้านการสืบทอดอำนาจ คสช.”
และ “หยุดคุกคามพรรคการเมืองและบุคคลที่มีความเห็นต่าง”
ผู้มีอำนาจไม่เพียงเดินเกมส์โดยใช้วิธีบิดกติกาการเลือกตั้งที่บิดเบี้ยวอยู่แล้ว ให้บิดเบี้ยวกว่าเดิม เพื่อให้ตัวเองสามารถเข้าสู่อำนาจได้อย่างราบรื่น เห็นได้จาก กรณี กกต.เผยวิธีการคำนวณเก้าอี้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งปัดเศษให้พรรคเล็กพรรคน้อยฝ่ายหนุน คสช.ได้เข้าสภาร่วมสิบเก้าอี้ เป็นการตัดกำลังพรรคฝ่ายประชาธิปไตยให้ฟอร์มรัฐบาลได้ยากขึ้น
ผู้มีอำนาจยังเดินเกมส์คู่ขนานด้วยการกำจัดตัวละครฝ่ายประชาธิปไตย ออกไปด้วย เป็นความพยายามในการทำลาย “อนาคตใหม่” เพื่อความมั่นคงของ “อนาคตเก่า”!!