วันที่ 1 ก.ย. 2565 ที่โรงแรมสุโกศล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ และสุทัศน์ เงินหมื่น อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงคดีกรณีละเว้นไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ ให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทคพลัส จำกัด ขณะที่ นิพนธ์ บุญญามณี เป็นนายก อบจ. สงขลา
โดย วสันต์ กล่าวว่า ตนเคยฝึกงานเป็นทนายความที่สำนักงานกฎหมายหลวงจำรูญเนติศาสตร์ ตอนปี 2510 และรับราชการพิพากษาในปี 2516 พร้อมทั้งกล่าวเพิ่มว่า ตอนที่ตนไปว่าความครั้งแรก ไม่มีใครรู้ว่าเคยเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็มีสื่อบางคนกล่าวว่า ตนลดตัวไปเป็นทนายความ และมีคนยกมือไหว้ตั้งแต่หัวบันไดนั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งคนที่ยกมือไหว้คือน้องของ สุทัศน์ เงินหมื่น
วสันต์ กล่าวอีกว่า ม.ร.ว.เสรีย์ ปราโมทย์ เคยเป็นถึงนายกรัฐมนตรี ก็ยังมาเป็นทนายความ ฉะนั้นจีงไม่แปลก และตนก็เห็นว่าหากพอช่วยเหลือพรรคพวกได้ก็พอจะช่วย และถ้า นิพนธ์ เป็นฝ่ายผิดตนคงไม่รับทำคดีให้ เพราะเสียฟอร์มเปล่าๆ อีกทั้งตนยังเป็นทนายที่ไม่ได้หิวแสงเหมือนคนอื่น ซึ่งขณะนี้ในสังคมล้วนมีคนถูกกลั่นแกล้ง
อีกทั้งคดีแรกที่ตนว่าความให้แล้วชนะคือ กรณีที่ ป.ป.ช. กล่าวหา คณะกรรมการคัดเลือกข้าราชกระทรวงการคลัง ซึ่งมี สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมัยรัฐบาล คสช.
วสันต์ ยังเล่าว่า ตนไม่คุ้นเคยกับนิพนธ์ แต่คุ้นเคยกับ สุทัศน์ เงินหมื่น อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งแนะนำให้นิพนธ์ มาคุยกับตน ซึ่งตนขอโม้ว่าอยู่วงการยุติธรรมามา 50 ปี มองออกว่าใครได้รับ หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งเมื่อตนตรวจเอกสารพบว่า นิพนธ์ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงตกลงรับเป็นทนายความให้
โดย รายละเอียดของคดีนี้คือ อบจ.สงขลา ซื้อรถเอนกประสงค์ 2 คัน มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท และมีการประมูลทำสัญญาส่งมอบรถ ซึ่งเมื่อ นิพนธ์ มาเป็นนายก อบจ. สงขลา ก็ตรวจสอบเอกสารพบสงสัยว่ามีการฮั้ว จึงทำเรื่องให้ผู้ว่าฯ จ.สงขลา ให้ระงับการจ่ายเงิน และแจ้งความว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมด้วย ซึ่งคดีฮั้วนี้ ขณะนี้พนักงานอัยการสั่งฟ้องศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบภาค 9 และมีการออกหมายจับ และ ป.ป.ช. ให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งความกล่าวโทษเอกชนที่ฮั้วประมูล
ซึ่ง ป.ป.ช. เชื่อว่ามีการฮั้ว ขณะเดียวกัน เอกชนไปฟ้อง ป.ป.ช. ว่า ถูกทาง อบจ.สงขลา กลั่นแกล้ง และไปฟ้องศาลปกครองกลางซึ่งมีคำพิพากษาให้ อบจ. สงขลา จ่ายเงิน แต่เมื่อมีการยื่นฟ้องคดีอาญาว่ามีการฮั้ว ซึ่งพบว่าจำเลยบางส่วนได้หลบหนีไปต่างประเทศแล้ว ทำให้ศาลปกครองสูงสุดให้มีการพิจารณาใหม่
วสันต์ กล่าวด้วยว่า คดีนี้ ถ้านายก อบจ. สงขลาสั่งจ่ายเงินในสัญญาที่เป็นโมฆะถือว่ามีความผิด คู่กรณีจะต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิมคือ เอารถคืน นายก อบจ.สงขลา ไม่ต้องจ่ายเงิน ซึ่งพวกฮั้วประมูลบอกว่าเป็นการกลั่นแกล้ง แต่อัยการมีคำสั่งให้ฟ้องนายก อบจ.สงขลา แต่ ป.ป.ช. จะฟ้องเอง
"ดังนั้นเราพร้อมสู้กับ ป.ป.ช. ไม่ได้เกรงใจ ชื่นชม ป.ป.ช. ชุดนาฬิกายืมเพื่อน ยืนยันไม่ได้แขวะใคร เพราะเป็นเรื่องจริง และตนไม่มีปัญหากับ ป.ป.ช. ซึ่งก่อนหน้านี้ก็รู้จักคุ้นเคยหลายคน ทั้งเป็นเพื่อน และพี่น้อง เช่น วิชา มหาคุณ กล้านรงค์ จันทิก ส่วนชุดใหม่รู้จักส่วนตัวเป็นบางคน" วสันต์ กล่าว
พร้อมกันนี้ วสันต์ ยังปฏิเสธข้อปมที่อาจจะถูกมองว่าเกี่ยวกับการเมืองเพื่อให้ นิพนธ์ พ้นตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า ตนไม่ทราบ เพราะไม่ใช่พรรคการเมือง จึงไม่ขออกความเห็นเรื่องนี้ และมั่นใจที่จะชนะคดี เพราะถ้าไม่มั่นใจคงจะไม่รับทำคดี เรื่องจริงเป็นอย่างไรไปสู้กันในศาล ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้ตนพร้อมไปขึ้นศาลตามที่ ป.ป.ช. นัดหมาย ในวันที่ 5 ก.ย. นี้ โดยคดีนี้จะเร่งรัดให้เสร็จโดยเร็ว ส่วนการชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ เป็นคนละเรื่อง แต่มูลเหตุเรื่องเดียวกัน
วสันต์ ยังตั้งข้อสงสัยอีกว่า จำเลย และพยานหลักฐาน เหตุเกิดที่ จ.สงขลา แต่มาฟ้องศาลที่กรุงเทพฯ โดยอ้างว่า นิพนธ์ มีอิทธิพลในพื้นที่ ซึ่งสร้างความลำบากให้กับพยานในการเดินทางมาให้ปากคำ
ขณะที่ นิพนธ์ กล่าวว่า ตนไม่ขอแสดงความเห็น เพราะก่อนหน้านี้ได้ชี้แจงไปหมดแล้ว และส่งเอกสารชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญไปหมดแล้ว