วันที่ 24 ต.ค. เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าวันนี้เรื่องใหญ่ที่ตนได้แจ้งเลขที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มี 2 ประเด็นหลัก คือการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็วที่สุด เช่น นโยบายการท่องเที่ยวและอีกหลายนโยบาย แต่เหนือสิ่งอื่นใดการกระตุ้นเพื่อซ่อมและสร้างอนาคตให้กับประชาชน พร้อมยกตัวอย่าง ขอให้คิดว่าแรงงานที่อยู่ต่างประเทศกว่า 30,000 คน ต้องเสี่ยงชีวิต เพราะเมื่อมีคนนำเงินมาล่อก็จะอยู่ต่อ เพื่อเงินหลักหมื่นหลักแสน แต่หากถามกลับมาว่านายกไม่เข้าใจหรอก การที่มีคนนำเงินมาให้ 50,000 บาทหรือแสนแล้วเสี่ยงชีวิต นั้นมีความสำคัญกับเขาขนาดไหน ซึ่งเรื่องนี้ตนตระหนักดี
ฉะนั้นการกระตุ้นเศรษฐกิจถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่จะทำให้ประชาชนนับหมื่นคนที่เสี่ยงชีวิตไปทำงานที่จะนำเงินมาช่วยคนหลักแสนหรือหลักล้านที่เป็นห่วงโซ่ ตนจะคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจมาก ฉะนั้นนโยบายการเงินการคลังที่ดี ไม่ใช่แค่รักษาวินัยการเงินเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดต้องตอบสนองความต้องการของประชาชน รวมถึงยกระดับความเป็นอยู่ให้ดี ไม่ใช่เอาชีวิตไปเสี่ยง เพื่อให้ได้มาซึ่งเงิน โดยในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ตนได้สั่งการต่อ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รวมถึงกระทรวงอื่นๆว่าหากรายงานเหล่านั้นเดินทางกลับไทยจะต้องดูแลให้ดี และเป็นเรื่องที่ตนคิดว่ารัฐมนตรีทุกคนตระหนักดี
ส่วนจะมีมาตรการอะไรกระตุ้นให้แรงงานไทยเดินทางกลับประเทศ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีดูแลเมื่อแรงงานกลับถึงไทย ซึ่งขณะนี้เอง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็ช่วยดูแลในเรื่องนี้อยู่ เนื่องจากรายงานที่เดินทางกลับจากอิสราเอลเป็นแรงงานที่มีประสิทธิภาพ
ขณะที่ตัวประกันผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในอิสราเอล ขณะนี้จำนวนยังคงเท่าเดิม และไทยสามารถนำแรงงานเหล่านั้นกลับประเทศได้วันละ 600 -800 ซึ่งขณะนี้ยังสามารถดำเนินการได้อยู่และสามารถนำคนไทยกลับประเทศได้มากขึ้น โดย เศรษฐา ยังขอบคุณสื่อมวลชนที่ช่วยนำเสนอข่าวจูงใจให้ญาติและคนไทยในอิสราเอลนั้นเดินทางกลับประเทศ เนื่องจากไม่คุ้มที่จะเสียชีวิต
เมื่อถามว่า ฝ่ายความมั่นคงได้มีการรายงานถึงข่าวที่กลุ่มฮามาสจะปล่อยตัวประกันชาวต่างชาติจำนวน 50 คน เศรษฐา ระบุว่า เรื่องนี้ตนยังไม่ได้รับรายงาน แต่ในช่วงบ่ายจะมีการโทรศัพท์ไปพูดคุยในประเด็นดังกล่าว แต่หวังว่าในจำนวนดังกล่าวจะมีคนไทยอยู่บ้าง เพราะขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรมของตัวประกัน 19 ชีวิต พร้อมกับยังระบุอีกว่า ที่ผ่านมาก็มีการประสานหารือถึงประเด็นดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน เศรษฐา ยังปฏิเสธการตอบคำถามถึงการเดินทางชมภาพยนตร์เรื่องสัปเหร่อ พร้อมกับ แพทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ในวันพรุ่งนี้ ก่อนที่จะเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าในทันที
อย่างไรก็ตามภายหลังที่นายกรัฐมนตรี เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ได้มีการเรียกรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยขึ้นหารือยังจุดไทยคู่ฟ้า โดย สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า เป็นการเรียกขึ้นไปเพื่อตรวจการบ้านรัฐมนตรีของฝั่งพรรคเพื่อไทย