ไม่พบผลการค้นหา
กรมควบคุมโรค แถลงด่วนวันนี้ (21 ส.ค.2657) พบผู้ป่วยต้องสงสัยติดเชื้อ ฝีดาษวานร clade 1 รายแรกในไทย เดินทางจากทวีปแอฟริกา

ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ติดตามสถานการณ์โรคฝีดาษวานรอย่างใกล้ชิด หลังพบอัตราการป่วยติดเชื้อสูงในเด็กประเทศแถบแอฟริกากลาง ฝีดาษวานรแบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ (clade 1) ที่พบการระบาดในแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันออกเป็นหลัก มีอัตราป่วยตายสูง สถานการณ์ผู้ป่วยในทวีปแอฟริกา ปี 2565 - 2567 ผู้ป่วยสะสม 14,250 ราย เสียชีวิต 456 ราย

สายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศไทยและทั่วโลกในช่วง 1 - 2 ปีที่ผ่านมา คือ สายพันธุ์ (clade 2) การติดต่อส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสใกล้ชิด ทางเพศสัมพันธ์ และสำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย ตั้งแต่มกราคม 2567 - 10 สิงหาคม 2567 มีผู้ป่วยสะสม 140 ราย เสียชีวิต 3 ราย ผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี ปี 2565 - 2567 มีผู้ป่วยสะสม 827 ราย เสียชีวิต 11 ราย ทั้งนี้ ประเทศไทยได้มีการเฝ้าระวังโรคฝีดาษวานรทั้ง 2 สายพันธุ์ และจับตาสถานการณ์การระบาดในประเทศแถบแอฟริกากลางอย่างต่อเนื่อง

คำแนะนำในการป้องกันโรคฝีดาษวานร

1. หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคนไม่รู้จัก 

2. ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้ป่วย เช่น เสื้อผ้า ผ้าขนหนู เครื่องนอน

3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีผื่นสงสัยโรคฝีดาษวานร 

4. ไม่คลุกคลี หรือสัมผัส ตุ่ม หนอง หรือบาดแผลของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือซากสัตว์ป่า และบริโภคเนื้อสัตว์ปรุงสุก และหลีกเลี่ยงไปในสถานที่ที่อาจเสี่ยงติดโรคฝีดาษวานร

ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่ระบาดให้เฝ้าระวังและสังเกตอาการตนเองเบื้องต้น หากมีผื่น มีตุ่มน้ำ ตุ่มหนองขึ้นบริเวณรอบๆ มือ เท้า หน้าอก ใบหน้า ปาก หรือส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ประกอบกับมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณหลังหู คอ ขาหนีบ ให้รีบเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลทันที พร้อมยืนยันมีความพร้อมระบบการดูแลรักษาโรคฝีดาษวานรทั่วประเทศ

456269915_819775180301474_7534523504669115028_n.jpg