ไม่พบผลการค้นหา
ปลัด สธ.ยกทีมผู้บริหารกระทรวง ออกแถลงการณ์ขอให้รัฐบาลปกป้องคุ้มครองผู้ปฏิบัติงานในสถานการณ์โควิด 19 ทั้งด้านควบคุมป้องกันโรค รักษาพยาบาล จัดหายา เวชภัณฑ์ และวัคซีน เนื่องจากทำงานและตัดสินใจบนภาวะเร่งด่วน มีข้อจำกัดเรื่ององค์ความรู้และทรัพยากร เพื่อลดวิตกกังวลและสร้างความมั่นใจในการปฏิบัติงาน

สืบเนื่องจาก อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เตรียมเสนอร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.)จำกัดความรับผิดสำหรับบุคลากรสาธารณสุขในการรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. .... ซึ่งถูกมองว่า เป็นการนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง ให้คณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาและบริหารวัคซีนโควิด 19 โดยมีเจตนารมณ์ที่จะให้ผู้รับผิดชอบเรื่องการบริหารจัดการ การจัดบริการทางแพทย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานโควิด-19 ทั้งหมด รวมถึงการจัดหาวัคซีน โดยไม่ต้องกังวลกับความรับผิดต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยเจตนาดีของผู้ปฏิบัติงาน หากเป็นการกระทำโดยสุจริต ไม่ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง หรือการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม บุคลากรดังกล่าวก็ไม่ต้องรับผิด

ล่าสุดวันที่ 11 ส.ค. 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยผู้บริหารประกอบด้วย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีทุกกรม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา สถาบันวัคซีนแห่งชาติ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ องค์การเภสัชกรรม แพทยสภา สภาการพยาบาล ทันตแพทยสภา สภาเภสัชกรรม สภาเทคนิคการแพทย์ สภากายภาพบำบัด และแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ร่วมประกาศแถลงการณ์ขอให้คุ้มครองผู้ปฏิบัติงานในสถานการณ์โควิด 19

ปลัดสาธารณสุข

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขและสภาวิชาชีพด้านสุขภาพ เห็นพ้องต้องกันว่า โรคโควิด-19 เป็นโรคอุบัติใหม่ร้ายแรงที่มีผลกระทบในวงกว้างทุกมิติ ทำให้มีผู้คนเจ็บป่วยจำนวนมาก และบางครอบครัวต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ระบบสาธารณสุขของไทยได้ต่อสู้กับโรคนี้มานานเกือบ 2 ปี ด้วยสรรพกำลังทั้งภาครัฐ เอกชน จิตอาสา ประชาสังคม และประชาชน ด้วยสถานการณ์ทุกด้านที่มีความเร่งด่วน ต้องการความร่วมมือร่วมใจในการควบคุมป้องกันโรค การรักษาพยาบาลในทุกวิถีทางที่จะทำได้ รวมทั้งการจัดหายา เวชภัณฑ์และวัคซีน ซึ่งการตัดสินใจและการทำงานในภาวะเร่งด่วน รวมทั้งมีข้อจำกัดในเรื่องขององค์ความรู้และทรัพยากร อาจก่อให้เกิดความไม่สมบูรณ์ หรืออาจเกิดข้อผิดพลาดจากการปฏิบัติงานโดยสุจริตใจได้

ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุข จึงร่วมกับภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพข้างต้น ขอเสนอให้รัฐบาลได้โปรดพิจารณาดำเนินการหามาตรการในการปกป้องคุ้มครองผู้ปฏิบัติงาน ตลอดจนนักวิชาการต่างๆ เพื่อลดความวิตกกังวล และสร้างความมั่นใจในการทำงานที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดกับประชาชนต่อไป

S__3442093.jpg