จิรายุ ห่วงทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภาพยายามจะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 158 วรรค 4 เพื่อให้นายกรัฐมนตรีไม่มีข้อจำกัดในการดำรงตำแหน่งวาระแค่ 8 ปีนั้น โดยกล่าวว่าเป็นการวางแผนการทำงานอย่างเป็นระบบโดยมีเป้าลวงและเป้าหลัก
โดยเป้าลวงทำเหมือนกับใจดีที่พยายามพูดว่าใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีในปีนี้ก็จะได้อยู่ยาวๆ แต่เป้าหลักเป็นการพูดต่อสาธารณะเพื่อให้เกิดการเจรจาเพื่ออำนาจต่อรองว่าถ้าเกิดใครเห็นด้วยกับบิ๊กตู่ อยู่กับลุงต่อ หากได้เลือกมาเป็นนายกรัฐมนตรีแม้อยู่แค่ 2 ปีแต่ในขณะที่ดำรงตำแหน่งสส.และเสียงสว.ก็จะโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญให้อยู่ยาวได้
“ในทางยุทธศาสตร์การเมืองถือว่าวางหมากอย่างเหนือชั้นเป็นการโยนระเบิดถล่มทางเข้าอุโมงค์ เพื่อให้ใครก็แล้วแต่ทั้งพรรคพวกของบิ๊กตู่ ที่สละเรือไปจำเป็นต้องหันมามองถึงเรื่องนี้ในวงการการเมืองเค้ารู้ทัน ส.ว.บางคนที่อยากจะให้ตัวเองหรือคนใกล้ชิดได้กลับเข้ามาเป็นอีกมีความพยายามเช่นนั้น
“ผมคิดว่า ส.ว.จะคิดดังหรือไม่ดังก็มีความตั้งใจ ชัดเจน เราอย่าไปนับว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องอยู่ครบ 8 ปี แล้วอยากจะต่อได้เท่าไหร่ยังไง ลองนับดีๆ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกมาปี 2557 จนถึง 2566 ผ่านมา 9 ปีแล้ว แต่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่าไปนับปี 2560 มันก็ต้องต่ออีก 2 ปี ไปปี 2568 หมายความว่า ลุงจะกลายเป็นปู่ อยู่ถึง 11 ปีเลยทีเดียว
จิรายุ กล่าวต่อไปว่า พฤติกรรมของสมาชิกวุฒิสภาในเวลาประชุมร่วมรัฐสภาฝ่ายค้านเสนอแก้ไขกฎหมายสำคัญรวมทั้งรัฐธรรมนูญ เช่นการเสนอให้มีการตั้งสสร.ขึ้นมา หรือว่ามีการเสนอให้มีการทำประชาพิจารณ์ผมก็เห็นว่าทางสมาชิกวุฒิสภาก็ตีตกคว่ำทุกทีผมว่าคนเราอยู่ 4 ปีตามพฤติกรรมการเมืองโลกเพราะเขารู้ว่า 4 ปี สำเร็จหรือไม่สำเร็จ พอสำเร็จคุณก็ต่ออีกสมัยหนึ่งเป็นได้อีก 4 ปี เต็มที่ไม่เคยเกิน 8 ปี
โดยสรุปแล้วเรื่องนี้แค่โยนระเบิดถล่มทางเพื่อให้คนที่กำลังแปรพรรค จากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กลับไปสวามิภักดิ์เพื่อสืบทอดอำนาจก็เพียงเท่านั้นเองเพราะฉะนั้นตนจึงขอบอกพี่น้องประชาชนและพรรคการเมืองว่าอย่าไปสนใจ ส.ว.นัก
"ขอให้เลือกพรรคเพื่อไทยให้เต็มคาราเบล เพื่อให้เข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องจะดีกว่าเรื่องสืบทอดอำนาจแบบยาวๆ" จิรายุ กล่าว