ไม่พบผลการค้นหา
รองโฆษก พม. ชี้แจงถึงกรณีคลิปทำร้ายร่างกายลูกชายของ 'มามี้ ปลายฟ้า' คนดังในโลกออนไลน์ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานแล้ว ซึ่งทาง พม.ได้ให้การช่วยเหลือและตกลงกันไปเรียบร้อยแล้ว พร้อมแนะนำไปว่าเป็นสิทธิของเจ้าตัวที่สามารถเอาผิดกับคนเผยแพร่คลิปได้

นางสุจิตรา พิทยานรเศรษฐ์ รองโฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึง 'มามี้ ปลายฟ้า' คนดังในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ตกเป็นจำเลยของสังคมกรณีทำร้ายลูกชาย (ลูกครึ่ง) วัย 3 ขวบ ด้วยการจับหัวลูกกดน้ำจนร้องไห้ และพูดตะคอกรุนแรงในทำนองไม่พอใจอดีตสามีชาวต่างชาติ โดยคลิปวิดีโอนี้ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา 

โดยระบุว่า เมื่อเดือน มี.ค. 2561 ศูนย์ช่วยเหลือสังคม ของ พม. (สายด่วน 1300) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่ NGO หลังจากพ่อของเด็กที่ถูกทำร้าย เห็นคลิปที่ภรรยา (มามี้ ปลายฟ้า) ส่งมาให้ แล้วรู้สึกเป็นห่วงลูก กลัวจะเกิดอันตราย

นักสังคมสงเคราะห์ พม. จึงเชิญทั้งสองฝ่ายมาหารือแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยใช้อำนาจตามกฎหมาย 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 และ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ได้ข้อตกลงว่า พ่อจะรับลูกไปดูแลที่บ้านเอง (อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์) และหากแม่ต้องการจะพบลูก ก็ให้นัดกันมาเจอที่ ศูนย์ช่วยเหลือสังคม (กรุงเทพฯ) เพื่อให้นักสังคมสงเคราะห์ ช่วยกันดูแล และร่วมเป็นพยานด้วย 

เมื่อทั้งคู่เกิดความเข้าใจกันมากขึ้น และแม่เลี้ยงเดี่ยวรายนี้ ได้รับการตรวจสุขภาพจิตจากจิตแพทย์ ซึ่งระบุว่า เธอไม่ได้มีอาการป่วยทางจิต แต่เป็นเพียงภาวะเครียด-กดดัน เนื่องจาก สามีไม่ส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้ตามกำหนด และทราบว่าอาจมีภรรยาใหม่จนไม่สนใจลูก จึงแสดงออกมาในลักษณะประชดประชัด-เรียกร้องความสนใจสามี 

ดังนั้น ฝ่ายสามีจึงตกลงกับนักสังคมสงเคราะห์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดกระบัง เมื่อเดือน เม.ย. 2561 อนุญาตให้ภรรยา สามารถมาเยี่ยมลูกได้ที่บ้าน อ.หัวหิน โดยจะออกค่าใช้จ่ายให้ ทั้งค่าเดินทาง และค่าที่พัก (1,600 บาท/ครั้ง) ซึ่งทั้งคู่ปฏิบัติต่อกันด้วยดีเสมอมา 

จนเมื่อ 1-2 วันก่อน ปรากฏคลิปในโลกออนไลน์ ทำให้ฝ่ายหญิง แจ้งเข้ามาที่ศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 ของ พม. อีกครั้ง เพื่อขอคำปรึกษา ซึ่งเจ้าหน้าที่ พม. ก็ให้คำแนะนำไปว่า เป็นสิทธิที่จะดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งการเอาผิดกับผู้เผยแพร่คลิป และหากไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้ ก็ปฏิเสธสื่อมวลชนหรือคนทั่วไปได้ เนื่องจากเรื่องราวเหล่านี้จบลงไปแล้ว 

ส่วนเรื่องคดีความในชั้นศาลตามที่เป็นข่าวนั้น พม. ทราบแต่เพียงว่า ฝ่ายสามียื่นเรื่องขอรับสิทธิในการเลี้ยงดูเด็กไปแล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล