สำนักข่าว Yle ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลฟินแลนด์ รายงานว่าตลอดปี 2560 ที่ผ่านมา มีผู้แทนทางการทูตจากประเทศต่างๆ ฝ่าฝืนกฎจราจรทั้งหมด 333 กรณี ซึ่งถือว่าสถานการณ์ดีขึ้นเมื่อเทียบกับผลสำรวจเมื่อ 10 ปีก่อนที่พบว่าผู้แทนทางการทูตประเทศต่างๆ กระทำผิดกฎจราจรฟินแลนด์ถึง 810 กรณี
แม้ว่ากฎหมายการทูตระหว่างประเทศจะให้เอกสิทธิ์คุ้มครองแก่ผู้แทนทางการทูตทั่วโลก แต่การกระทำผิดกฎจราจรและการค้างจ่ายค่าปรับตามใบสั่งของสถานทูตแต่ละประเทศก็ส่งผลให้รัฐบาลหลายแห่งสูญเสียรายได้ไปเป็นจำนวนมาก
กรณีของฟินแลนด์ พบว่าผู้ขับขี่พาหนะจากสถานทูตรัสเซียกระทำผิดกฎจราจรมากที่สุด ได้รับใบสั่งทั้งหมด 72 ใบ ทั้งจากการขับรถและจอดรถผิดกฎจราจร แต่เพ่ิงจะมีการจ่ายค่าปรับตามใบสั่งเพียง 1 ใบเท่านั้น
อันดับ 2 คือสถานทูตจีนและสถานทูตซาอุดีอาระเบีย ได้รับใบสั่ง 22 ใบเท่ากัน ซึ่งจีนจ่ายค่าปรับไปแล้ว 3 ใบ ส่วนซาอุดีอาระเบียจ่ายไป 6 ใบ อันดับ 3 คือ สถานทูตสหรัฐฯ ได้รับใบสั่ง 14 ใบจากการจอดรถในที่ห้ามจอด แต่จ่ายค่าปรับตามใบสั่งแล้ว 12 ใบ ส่วนอังกฤษและเยอรมนีเป็นอันดับ 4 ได้รับใบสั่ง 1 ใบเท่ากัน
ขณะที่ไทยติดกลุ่มเดียวกับอีก 16 ประเทศซึ่งเข้าข่ายประวัติดี ไม่เคยทำผิดกฎจราจรและไม่ได้รับใบสั่งใดๆ ในปีที่ผ่านมา โดยสื่อฟินแลนด์สรุปว่าใบสั่งที่ออกให้แก่พาหนะของสถานทูตประเทศต่างๆ ประจำกรุงเฮลซิงกิ มีผู้จ่ายค่าปรับแล้ว 65 ใบจากทั้งหมด 333 ใบ
อย่างไรก็ตาม สื่อในหลายประเทศทางฝั่งตะวันตกเคยรายงานว่า การอ้างเอกสิทธิ์คุ้มครองของผู้แทนทางการทูตเพื่อจอดรถหรือขับขี่ยานพาหนะโดยใช้สิทธิพิเศษ เป็นปัญหาเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ
เว็บไซต์เดอะการ์เดียนรายงานเมื่อเดือน ก.ย.ปีที่แล้วว่า สำนักงานจราจรนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ ออกใบสั่งปรับเงินผู้กระทำผิดกฎจราจรที่ขับขี่พาหนะของสถานทูต คิดเป็นเงินรวมกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 33 ล้านบาท แต่ไม่สามารถเก็บเงินหรือเอาผิดกับผู้แทนทางการทูตของประเทศต่างๆ ได้
ทั้งนี้ นครนิวยอร์กเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ จึงมีผู้แทนทางการทูตจากประเทศต่างๆ ที่เป็นสมาชิกสหประชาชาติอยู่เป็นจำนวนมาก ใบสั่งปรับผู้ทำผิดกฎจราจรที่ค้างจ่ายก็มีจำนวนมากตามไปด้วย
ส่วนประเทศไทยเคยมีกรณีรถยนต์ติดป้ายทะเบียนทูตขับรถสวนเลนบริเวณถนนเพชรบุรี-ชิดลม ซึ่งเป็นพื้นที่การจราจรแออัด ทำให้มีผู้ใช้ยูทูบรายหนึ่งนำคลิปวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวมาเผยแพร่ในสื่อออนไลน์เมื่อเดือน ส.ค.2557 แต่กรมพิธีการทูตของไทยยืนยันว่าเป็นสิทธิพิเศษซึ่งผู้มีตำแหน่งทางการทูตสามารถกระทำได้