เมื่อวันที่ 7 ส.ค. นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการบริหารจัดการปาล์มน้ำมันทั้งระบบโดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องกว่า 100 คน ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากกรมการค้าภายในและกรมที่เกี่ยวข้อง กระทรวงพาณิชย์ ราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชน และตัวแทนเกษตรกร เช่น นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มแห่งประเทศไทย นายอธิราษฎร์ ดำดี ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ นายพันศักดิ์ จิตรรัตน์ ประธานคณะกรรมการด้านปาล์มน้ำมันและพืชพลังงาน สภาเกษตรกรแห่งชาติ เป็นต้น
นายจุรินทร์ กล่าวสรุปผลการประชุมว่า ได้ระดมทุกฝ่ายมาหาข้อสรุปร่วมกันในเรื่องของการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์ม ซึ่งทั้ง 3 ฝ่ายได้เห็นพ้องต้องกันว่าจะมีการดำเนินการตามนโยบายประกันรายได้ชาวสวนปาล์มของรัฐบาล โดยจะกำหนดการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มที่กิโลกรัมละ 4 บาท (สำหรับปาล์มที่ให้น้ำมันร้อยละ 18) โดยจะประกันรายได้ให้ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่
โดยการคิดคำนวณจะคำนวณจากรายได้ที่ประกันกิโลกรัมละ 4 บาท ลบด้วยราคาตลาด ณ ช่วงเวลาที่กำหนดโดยส่วนต่างนี้จะโอนเข้าบัญชี ธ.ก.ส. ให้เกษตรกรทันที
"การคำนวณราคาตลาดเพื่อเอาไปลบกับ 4 บาท จะคำนวณทุก 15 วัน และจะมีอนุกรรมการที่จัดตั้งขึ้นเป็นผู้คำนวณ ส่วนในเรื่องของการโอนเงินส่วนต่างนั้นจะโอนให้ปีละ 4 ครั้งหรือที่เรียกว่าจะโอนให้ทุก 3 เดือน" นายจุรินทร์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นโยบายประกันรายได้ของชาวสวนปาล์มนั้นจะเป็นมาตรการหนึ่ง แต่จะมีมาตรการอื่นควบคู่ไปด้วยเพื่อให้ชาวสวนปาล์มมีรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยมาตรการที่จะทำควบคู่กันไป อาทิ
หนึ่ง มาตรการส่งเสริมสนับสนุนให้มีการใช้น้ำมันดีเซลบี10 โดยผู้แทนของกระทรวงพลังงานได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่ามีแนวทางที่จะดำเนินการให้บี10 เป็นภาคบังคับโดยเปลี่ยนจากบี 7 เป็นบี10 ให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อเพิ่มการใช้น้ำมันปาล์ม
สอง มาตรการนำผลิตภัณฑ์ปาล์มไปใช้เป็นเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้า ซึ่งมีมติคณะรัฐมนตรีใช้อยู่ และมีการทยอยใช้ปา��์มที่มีอยู่ในสต็อก 130,000 ตันให้หมด ดังนั้นกระทรวงจะผลักดันในการดำเนินการให้จบตามที่คณะรัฐมนตรีแจ้งไว้
สาม มาตรการกำกับสต็อกน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มที่ฟอก แนะนำเครื่องมือทางเทคโนโลยีเข้ามาตรวจวัดแทนการใช้กำลังคน เป็นมติเป็นเอกฉันท์ ว่าให้นำเครื่องวัดทางอิเล็คทรอนิกส์ที่มีความแม่นยำ
สี่ มาตรการดูแลการนำเข้าน้ำมันปาล์มและเคร่งครัดการนำน้ำมันปาล์มผ่านแดนจากประเทศไทยโดยเฉพาะผ่านจากด่านสะเดา หรือทางภาคใต้เพื่อผ่านแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้านซึ่งจะต้องมีมาตรการกำกับและบังคับใช้โดยเคร่งครัด เพื่อไม่ให้มีการนำน้ำมันปาล์มที่อ้างว่าเพื่อการผ่านแดนมาใช้ในประเทศไทยมีผลทำให้ราคาผลปาล์มตกและกระทบกับเกษตรกร
ห้า มาตรการเร่งรัดการส่งออกน้ำมันปาล์ม เพื่อนำไปใช้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบันไทยมีคู่แข่งคือมาเลเซีย อินโดนีเซีย และมีตลาดใหญ่อยู่ในอินเดียดังนั้น จึงต้องหาตลาดอื่นรองรับ ซึ่งตอนนี้กระทรวงพาณิชย์จะรับไปหาวิธีเพิ่มการส่งออกต่อไป โดยเร็วๆ นี้ จะมีคณะเดินทางไปอินเดียและจะนำภารกิจนี้ไปดำเนินการเพื่อเปิดตลาดน้ำมันปาล์มเพิ่มด้วย
หก มาตรการปาล์มยั่งยืน ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็น โดยเฉพาะการผลักดันพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันให้เกิดขึ้น ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่าจะผลักดันในเรื่องของพระราชบัญญัตินี้ให้เกิดขึ้นสัมฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรมต่อไป
ทั้งนี้ นายจุรินทร์กล่าวตอนท้ายการประชุมว่า ผลการประชุมในวันนี้ จะนำเสนอผ่านคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธาน เพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงาน ราคาปาล์มน้ำมัน ณ วันที่ 7 ส.ค. อยู่ที่ 2.05-3.25 บาทต่อกิโลกรัม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :