นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ระบุถึงกรณีปรากฎหลักฐานเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทย ที่นายวิชัย กฤษดาธานนท์ ได้สั่งจ่ายเช็คเงินสด 250,000 บาทให้แก่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และสั่งจ่ายเช็คเงินสดให้กับ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป นายทหารคนสนิทพล.อ.เปรม จำนวน 100,000 บาท
พร้อมกับย้ำว่า ในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย. 2561) จะเป็นวันที่จะหมดอายุความกรณีเช็คสั่งจ่ายให้กับ พล.อ.เปรม เพราะเช็คเงินสดดังกล่าวได้ลงวันที่ 20 ก.ย. 2546 นั่นเท่ากับคดีจะหมดอายุความครบ 15 ปีในวันที่ 20 ก.ย. 2561 ขณะที่เช็คเงินสดที่สั่งจ่ายให้ พล.ร.อ.พะจุณณ์จะหมดอายุความในวันที่ 31 ธ.ค. 2561
นายเรืองไกร ระบุว่า กรณีที่ดีเอสไอได้ดำเนินคดีในคดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทยในส่วนของพล.อ.เปรม ต้องหมดอายุความตามกฎหมาย จะถือว่าดีเอสไอ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อาจถือว่าเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ เพราะทั้งสองหน่วยงานมีเจตนาให้คดีส่วนนี้หมดอายุความ
ขณะที่ คดีของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับเดินหน้าและจะมีการนัดฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดีของนายพานทองแท้ในวันที่ 10 ต.ค. นี้
อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวติดต่อสอบถามทางโทรศัพท์ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอเพื่อสอบถามว่าได้ส่งฟ้องคดีเช็คเงินสดที่สั่งจ่ายให้กับ พล.อ.เปรมไปยังอัยการสูงสุดหรือไม่ แต่ไม่สามารถติดต่อได้
ส่วนคดีของนายพานทองแท้นั้น ทางอัยการได้ระบุก่อนหน้านี้ว่าจะนัดให้ฟังคำสั่งฟ้องในคดีนี้หรือไม่ในวันที่ 10 ต.ค.นี้ ซึ่งล่าสุดในวันนี้ (19 ก.ย.) ทีมทนายความของนายพานทองแท้ ก็ได้ยื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุด เพื่อขอให้ความเป็นธรรมในกรณีที่ดีเอสไอได้มีความเห็นสั่งฟ้องนายพานทองแท้ โดยให้พิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมและมีมาตรฐานด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :