ชาวกรีกประมาณ 2 หมื่นคนรวมตัวกันหน้ารัฐสภา เพื่อประท้วงที่รัฐบาลผ่านมาตรการรัดเข็มขัดฉบับใหม่ ตามเงื่อนไขของเจ้าหนี้ต่างชาติกำหนดไว้สำหรับการช่วยเหลือทางการเงินเพิ่ม เป็นจำนวน 6,500 ล้านยูโร ซึ่งการประท้วงได้บานปลายจนเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมและตำรวจ โดยผู้ชุมนุมได้ขว้างปาก้อนหินและระเบิดขวดใส่เจ้าหน้าที่ ขณะที่ตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุม
มาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจใหม่นี้กำหนดให้มีขั้นตอนทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการยึดทรัพย์สิน ที่จำนองไว้ในกรณีที่มีการค้างชำระ จัดโครงสร้างสวัสดิการและเงินบำนาญใหม่ ซึ่งนายอเล็กซิส ซีปราสนายกรัฐมนตรีกรีซจากพรรคซ้ายจัดระบุว่า การผ่านร่างกฎหมายนี้สำคัญต่อการเร่งให้กรีซออกจากวิกฤตการเงิน และประกาศว่า การปฏิรูปครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย
(นายอเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซยืนยันว่า ไม่ได้ห้ามแรงงานหยุดงานประท้วง)
นอกจากนี้ การปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งนี้จะป้องกันให้มีการหยุดงานประท้วงได้ยากขึ้น ซึ่งนายซีปราสอธิบายว่า สิทธิในการหยุดงานประท้วงไม่ได้ถูกกำจัดทิ้งไป และการกล่าวหาว่า รัฐบาลทำตามคำเรียกร้องของเจ้าหนี้ในการผ่อนปรนกฎเกณฑ์ของตลาดแรงงานก็ถือ เป็นการโกหกที่น่าไม่อาย
การแก้ไขกฎหมายการหยุดงานประท้วงถือเป็นยาขมที่นายซีปราสและพรรคซิรีซาต้องกลืน เพื่อให้กรีซพ้นวิกฤตที่จะทำให้กรีซเป็นประเทศล้มละลาย แม้พรรคซิรีซาจะมีฐานเสียงหลักเป็นชนชั้นแรงงานฝ่ายซ้ายจัดก็ตาม