​สำนักข่าว BBC รายงานว่า อัชราฟ กานี อดีตประธานาธิบดีอัฟกานิสถานออกมาขอโทษประชาชนหลังการลี้ภัยหนีออกนอกประเทศไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเขาระบุว่าเขาต้องการขอโทษประชาชนที่เขาไม่สามารถเปลี่ยนจุดจบของประเทศได้ พร้อมยืนยัน "การออกจากกรุงคาบูลคือการตัดสินใจที่ยากลำบากมากที่สุดในชีวิต"

อดีต ปธน.กานี ลี้ภัยออกจากอัฟกานิสถานในวันที่ 15 ก.ย.เพียงไม่นานก่อนที่กลุ่มตาลีบันจะสามารถยึดกรุงคาบูลได้สำเร็จ โดยเขายืนยันว่าไม่เคยต้องการ 'ทิ้งประชาชน' แต่เพราะนั่นเป็นเพียง 'หนทางเดียว' ที่จะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์การนองเลือดที่อาจจะเกิดขึ้น และปฏิเสธว่าไม่เคยหอบเงินจำนวน 169 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 5,531 ล้านบาทออกนอกประเทศตามข้อกล่าวหาที่ไร้ซึ่งหลักฐานรองรับ

อดีตผู้นำวัย 72 ปียังได้ระบุเพิ่มเติมว่าได้ออกจากประเทศไปตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยประจำทำเนียบประธานาธิบดีเพื่อรักษาเมืองหลวงและความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 6 ล้านคน รวมถึงเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นดังเช่นสงครางกลางเมืองในทศวรรษที่ 1990 

ขณะที่ในช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมาเขาได้อุทิศตนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับกระบวนการประชาธิปไตยของอัฟกานิสถานมาโดยตลอด ซึ่งกานีชี้ว่าเขารู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ต้องมีจุดจบทางการเมืองไม่ต่างกับผู้นำในอดีต

การแถลงก่อนหน้านี้ผ่านทางเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 18 ส.ค. กานีเผยว่าเขาถูกทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 'บังคับ' ให้หนีออกนอกประเทศเพราะมีความเสี่ยงสูงที่เขาจะถูกจับตัวและสังหาร เนื่องจากทันทีที่กลุ่มตาลีบันสามารถบุกเข้าไปยังทำเนียบประธานาธิบดีได้ พวกเขาก็เร่งตามหาตัวอดีต ปธน.ในทุกๆ ห้องภายในทำเนียบฯ ทันที 

ขณะที่ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา BBC รายงานว่าหลังการเข้ายึดอัฟกานิสถานได้เป็นเวลาราว 3 สัปดาห์ กลุ่มตาลีบันกำลังเดินหน้าจัดตั้งคณะรัฐบาลชั่วคราวเพื่อปกครองประเทศซึ่งถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ โดยรัฐบาลชั่วคราวนี้จะมี มุลลาห์ โมฮัมหมัด ฮัสซัน อัคฮุน เป็นผู้นำ โดยเขาคือหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มตาลีบัน ขณะที่ ซารายุดดิน ฮัคคานี ผู้นำกลุ่มฮัคคานีซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการตัวของ FBI ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีมหาดไทยชั่วคราว