พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี กรณีที่มีผู้ประกอบการพบนายกรัฐมนตรี วานนี้ แล้วถูกพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ดุด้วยเสียงดัง ว่ากรณีที่มีข่าวผู้ประกอบการประมงยื่นหนังสือ แล้วถูกนายกฯดุเสียงดังทำให้เกิดความไม่สบายใจ ตนในฐานะที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย

อย่างไรก็ตามพบว่าบทสนทนาของผู้ประกอบการเรือประมง ในความเป็นจริง คือใช้คำที่ก้าวร้าวรุนแรง ทั้งๆ ที่มายื่นขอให้รัฐบาลช่วยเหลือ โดยที่ไม่ฟังเหตุและผลมาก่อน เช่น นายกฯรู้ไหมว่าพวกเราเดือดร้อนแสนสาหัสทำไมจึงให้ต่างชาติมาบังคับรัฐบาลไม่ดูแลชาวประมง ขอให้สนใจชาวประมงไทยอย่าได้นำกฎกติกาของสหภาพยุโรปเข้ามา ซึ่งนายกฯ ได้พยายามชี้แจง แต่ด้วยถือไมโครโฟนอยู่จึงทำให้เสียงดัง ทำให้เหมือนนายกฯ ดุกลับ แต่ขณะนั้นกำลังอธิบาย 

ทั้งนี้ โฆษกรัฐบาล ยืนยันว่า นายกฯ กำลังพยายามอธิบายถึงกติกาของอียูที่เป็นสากล หากไม่ทำอนาคตชาวประมงทั้งประเทศที่จับปลามาได้ จะไม่สามารถขายให้ใครได้เลย แต่ต้องบริโภคภายในประเทศให้หมดเกิดการบอยคอต ดังนั้นจำเป็นต้องทำให้ผู้จับสัตว์น้ำกับสัตว์น้ำที่มีอยู่มีความสมดุลกันด้วยวิธีการต่างๆ เช่น เรือประมงที่มีอุปกรณ์จับปลาตาถี่เกินไปไปจับสัตว์น้ำทั้งที่ยังไม่วางไข่เสียแล้ว หรือที่ผู้ประกอบการบอกว่า ทั้งนี้ปัจจุบัน ให้จับปลาได้ 220 กว่าวัน ขอให้รัฐบาลกำหนดให้สามารถจับปลาปีหนึ่ง 360 วัน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะต้องทำตามหลักการสากลของโลกที่จะลดปริมาณการจับปลาให้เหมาะสมจึง 

อย่างไรก็ตาม อยากทำความเข้าใจว่า นายกฯ ไม่ได้ดุ แต่ต้นเหตุเกิดจากกริยาคำพูดที่ผู้ประกอบการใช้วาจาค่อนข้างรุนแรงและเหมือนออกแนวการเมืองเล็กๆ คือจะบอกว่าอย่าไปสนใจกฎสากล แล้วให้ดูคนไทยเป็นหลักซึ่งมันเป็นไปไม่ได้