นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นกรณีภาคเอกชนโดย มูลนิธิชีววิถี (Bio - Thai), เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai - Pan) และเครือข่ายภาคประชาชนอีก 700 องค์กร ได้รวมตัวกันคัดค้านมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่มีมติไม่แบน 3 สารเคมีกำจัดวัชพืช ที่มีพิษร้ายแรง คือ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกรโฟเซต ซึ่งมีประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกถึง 51 ประเทศ ห้ามใช้ แต่ประเทศไทยยังใช้อยู่
เมื่อตรวจสอบข้อมูลการนำเข้าสารพิษ 3 ชนิดดังกล่าวจากกรมศุลกากร พบว่ามีการนำเข้าเฉลี่ยปีละ 15,000 - 17,000 ล้านบาท นับเป็นธุรกิจข้ามชาติที่มีผลประโยชน์เป็นมูลค่ามหาศาล แต่เมื่อมองอีกมุมหนึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่สะสมสารพิษไว้ในดิน น้ำ อากาศ พืช ผัก ผลไม้ สัตว์บก สัตว์น้ำ ในจำนวนมหาศาล และสะสมมายังประชาชนผู้บริโภคอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน จึงขอชื่นชมและให้กำลังใจภาคเอกชน และภาคประชาสังคมดังกล่าวที่ต่อสู้ในเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง
นายชวลิต กล่าวต่อว่าในช่วงที่ตนเป็น ส.ส.และเป็นกรรมธิการงบประมาณ ได้เคยนำข้อมูลทางวิชาการของ นายวิทูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี ซึ่งเผยแพร่ต่อสาธารณะในการรณรงค์ ป้องกันการใช้สารเคมีร้ายแรงในการกำจัดศัตรูพืช ไปใช้ประโยชน์ในการพิจารณาในคณะอนุกมธ.ท้องถิ่นและจังหวัด โดยตนได้ขอให้มหาวิทยาลัยที่มีคณะแพทยศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์ สาขาสิ่งแวดล้อม ทำการเจาะเลือดเกษตรกร ตรวจดิน ตรวจแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อหาสารพิษตกค้าง ไว้สำหรับเสนอแนะหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
"สาเหตุที่ผมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ เพราะสนใจข้อมูลสถิติการตายของคนไทย ว่า เหตุใดประเทศไทยจึงมีสาเหตุการตายด้วยโรคมะเร็งมาเป็นอันดับหนึ่งมากว่าสิบปีติดต่อกัน โดยมีสถิติการตายเฉลี่ยปีละประมาณ 60,000 คน หรือชั่วโมงละ 7 คน ที่ตายด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งน่าตกใจมาก จริงอยู่โรคมะเร็งอาจจะมีสาเหตุจากการสูบบุหรี่ และดื่มเหล้า หรืออื่น ๆ แต่นั่นเป็นการบริโภคเฉพาะบุคคล ซึ่งเป็นการกระทำของตนเอง"
ขณะเดียวกัน ภัยจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ซึ่งไม่แน่ว่าตัวเราเองหรือบุคคลในครอบครัวจะเจอวันไหน จากการรับประทานพืช ผัก ผลไม้ หรือเนื้อสัตว์ ที่มีสารเคมีปนเปื้อนสะสมในร่างกาย แล้วก็กลายเป็นโรคร้ายในร่างกาย ดังนั้นจึงควรหามาตรการป้องกันอย่างเป็นระบบ ทั้งการนำเข้าสารพิษ การแนะนำวิธีใช้เกษตรกร รวมทั้งการรณรงค์ ส่งเสริมให้เกษตรกรทำเกษตรอินทรีย์อย่างกว้างขวาง
"เนื่องจากการที่ 51 ประเทศทั่วโลก ห้ามใช้ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกรโฟเซต แต่ประเทศไทยไม่ห้าม ต้องเป็นข้อสังเกตของฝ่ายบริหารที่จะต้องตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด จริงจัง เพราะชีวิตของประชาชนมีความสำคัญกว่าประโยชน์ใด ทั้งสองนโยบายดังกล่าว"
อ่านเพิ่มเติม