ไม่พบผลการค้นหา
ผลการศึกษาล่าสุดคาดการณ์ว่า ในปี 2025 เศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียนจะมีมูลค่าเกือบ 8 ล้านล้านบาท โดยเศรษฐกิจดิจิทัลไทยจะโตขึ้นจากปัจจุบันถึง 3 เท่า

เมื่อนึกถึงเศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชีย ความสนใจมักพุ่งไปที่จีนเป็นหลัก แต่เศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วก็ทำให้ให้นักวิเคราะห์และภาคธุรกิจหันมาสนใจภูมิภาคนี้มากขึ้น การศึกษาล่าสุดของกูเกิลและเทมาเส็กคาดการณ์ว่าปีนี้ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนกว่า 350 ล้านคนใน 6 ประเทศจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นมูลค่าเกือบ 2.4 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปี 2017 ที่ 1.65 ล้านล้านบาท และรายงานการศึกษานี้ยังคาดว่า เศรษฐกิจดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีมูลค่าเกือบ 8 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 3 เท่า ภายในปี 2025

ขณะนี้ อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในภูมิภาค ขึ้นมาเป็นตัวแปรสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากมีมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลมากเกือบ 900,000 ล้านบาท และคาดว่ามูลค่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.3 ล้านล้านบาท ภายในปี 2025

ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยก็มีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นถึง 3 เท่า จากปัจจุบันที่มีมูลค่าเกือบ 400,000 ล้านบาท เป็น 1.4 ล้านล้านบาท ส่วนเวียดนามจะมีมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลเพิ่มจากเกือบ 300,000 ล้านบาทเป็นเกือบ 1.1 ล้านบาท

รายงานนี้มุ่งความสนใจไปที่ 4 ภาคอุตสาหกรรมในเศรษฐกิจดิจิทัล และพบว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวออนไลน์เป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุด มีรายได้ประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท ส่วนอีคอมเมิร์ซคิดเป็น 760,000 ล้านบาท ตามมาด้วยสื่อออนไลน์ 360,000 ล้านบาท และบริการเรียกรถ 260,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ภายในปี 2025 อีคอมเมิร์ซมีแนวโน้มจะขึ้นมาเป็นอุตสาหกรรมที่ทำเงินมากที่สุดในเศรษฐกิจดิจิทัล คาดว่า อีคอมเมิร์ซจะมีมูลค่ามากถึง 3.37 ล้านล้านบาท โดยอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุด 3 อันดับแรกน่าจะเป็น Lazada, Shopee และ Tokopedia ส่วนสื่อออนไลน์ ทั้งโฆษณาออนไลน์ เกมออนไลน์ เพลงและวิดีโอออนไลน์ น่าจะมีมูลค่าประมาณ 1 ล้านล้านบาท ตามด้วยบริการเรียกรถที่ 950,000 ล้านบาท

ในปี 2018 มีผู้ใช้บริการเรียกรถออนไลน์มากกว่า 8 ล้านครั้งต่อวัน เพิ่มจาก 1.5 ล้านครั้งในปี 2015 คนที่ใช้บริการนี้เป็นประจำเพิ่มจาก 8 ล้านคน ในปี 2015 เป็น 35 ล้านคนในปี 2018 และบริการส่งอาหารที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริการเรียกรถ มีอัตราการเติบโตที่เร็วมาก ทั้งของ Grab และ Go-Jek ของอินโดนีเซีย

สิงคโปร์และอินโดนีเซียขึ้นมาเป็นประเทศยอดนิยมสำหรับการตั้งสำนักงานใหญ่ของธุรกิจออนไลน์ ส่งผลให้ตั้งแต่ปี 2015 มา ทั้งสองประเทศนี้สามารถดึงดูดเงินลงทุนได้ 528,000 ล้านบาท และ 198,000 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ประเทศอื่นๆ ดึงดูดเงินลงทุนได้รวมกันประมาณ 66,000 ล้านบาท

กูเกิลและเทมาเส็กยังศึกษา 6 ปัจจัยท้าทายสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียยนตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานทางอินเทอร์เน็ต ความสามารถในการระดมเงินลงทุน การพัฒนาโลจิสติกส์ที่รองรับอีคอมเมิร์ซ ความสามารถในการดึงดูดคนที่มีความสามารถ และระบบการชำระเงินออนไลน์ที่ดี

รายงานนี้ระบุว่า ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือการหาเงินลงทุน แต่อีก 5 ปัจจัยก็เป็นสิ่งที่จะต้องพัฒนาควบคู่ไปด้วย แต่การพัฒนาเหล่านี้จะช่วยสร้างงานได้ประมาณ 100,000 ตำแหน่ง และคาดว่าจะเพิ่มอีกเป็น 2 เท่า ภายในปี 2025


ที่มา : Asian Correspondent