ไม่พบผลการค้นหา
ธนาคารกสิกรไทย เปิดสำนักงานใหญ่กสิกรไทย เมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน หลังทางการจีนให้ไลเซนส์ธนาคารพาณิชย์ท้องถิ่นจดทะเบียน (LII) ชูธงเชื่อมอาเซียน+3 สร้างดิจิตอล แบงกิ้ง แพลตฟอร์ม รุกตลาดจีน เชื่อมธุรกิจ SINO-AEC ตั้งเป้าปี'61 ธุรกิจสาขาต่างประเทศมียอดสินเชื่อรวม 29,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% มีปริมาณธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ 150,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากปี 2560

นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการการกำกับดูแลภาคธนาคารของจีน (CBRC) ให้จัดตั้งธนาคารพาณิชย์ท้องถิ่นจดทะเบียน (LII) เต็มรูปแบบ ในชื่อ “ไคไท่หยินหาง (จงกั๋ว)” หรือบริษัท ธนาคารกสิกรไทย (สาธารณรัฐประชาชนจีน) จำกัด โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ ณ เมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง พร้อมเครือข่ายบริการ ได้แก่ สาขาเซินเจิ้น (และสาขาย่อยหลงกั่ง) สาขาเฉิงตู สาขาเซี่ยงไฮ้ สาขาฮ่องกง สำนักงานผู้แทน ณ นครปักกิ่ง และสำนักงานผู้แทน ณ เมืองคุนหมิง ซึ่งการได้รับใบอนุญาตให้ตั้งเป็นธนาคารพาณิชย์ท้องถิ่นจดทะเบียนจะทำให้ธนาคารสามารถให้บริการลูกค้าบรรษัทได้อย่างครบวงจร รวมถึงขยายสาขาหรือยกระดับสำนักงานตัวแทนเป็นสาขาในประเทศจีนได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และในอนาคตจะให้บริการลูกค้าบุคคลได้ด้วย 

การที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารกสิกรไทย (ประเทศจีน) อยู่ที่เมืองเซินเจิ้นซึ่งถูกขนานนามว่าเป็น "ซิลิค่อนวัลเลย์แห่งเอเชีย” และเป็นสถานที่ตั้งของบริษัทฟินเทคสตาร์ทอัพ รวมถึงยูนิคอร์นต่าง ๆ ธนาคารจึงอยู่ในจุดที่เอื้อต่อการพัฒนาด้านนวัตกรรม ดังนั้นจึงวางแผนจะร่วมมือกับกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ และ/หรือ บริษัทฟินเทค ในการพัฒนา Digital Banking Platform เชื่อมโยงบริการของกสิกรไทยในประเทศจีน และบริการของธนาคารกสิกรไทยในประเทศไทย และประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อให้ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการชำระเงินในภูมิภาค AEC+3

นอกเหนือจากการตั้งธนาคารพาณิชย์ท้องถิ่นจดทะเบียน (LII) เต็มรูปแบบแล้ว ธนาคารยังได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งสาขาที่ 3 เพิ่มเติม ณ นครเซี่ยงไฮ้ เขตผู่ตง ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงินของจีนและของโลกในอนาคต

โดยสาขาดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจการค้าเสรีเซี่ยงไฮ้ (Shanghai FTZ) และเป็นบริเวณที่มีธุรกรรมการค้ากับกลุ่มประเทศอาเซียนสูง คือมียอดธุรกรรมในปี 2559 ถึง 92,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 21% ของมูลค่าการค้าระหว่างจีนกับอาเซียนทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีปริมาณการลงทุนจากเซี่ยงไฮ้ไปยังประเทศไทยและกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นการเปิดสาขาเซี่ยงไฮ้จึงทำให้ธนาคารสามารถให้บริการและขยายฐานลูกค้าในนครเซี่ยงไฮ้และพื้นที่ใกล้เคียง เช่น มณฑลเจ้อเจียง มณฑลเจียงซู และมณฑลชานตง โดยในช่วงเริ่มต้นสาขาเซี่ยงไฮ้จะเน้นการบริการลูกค้าบรรษัทของไทยและจีนที่ค้าขายระหว่างจีนและกลุ่มประเทศอาเซียน และลูกค้าบรรษัทจีนที่ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย

 "ปัจจุบันนักธุรกิจจีนเริ่มหันมาลงทุนในตลาด AEC มากขึ้น ขานรับกับแผนพัฒนาประเทศฉบับที่ 13 ของจีน และยุทธศาสตร์ One Belt, One Road ซึ่งในเชิงยุทธศาสตร์แล้วทำเลที่ตั้งของประเทศไทยสามารถตอบโจทย์ในการเป็นฐานการลงทุนได้มากที่สุด เนื่องจากมีประสิทธิภาพในเชิงโครงสร้างและนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น การพัฒนาเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ที่มุ่งผลักดันพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมภาคการผลิตในบริเวณอีสเทิร์นซีบอร์ด ที่เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงไปในตลาด AEC อื่น ๆ ได้อีก 

ทั้งนี้ ภาพรวมของการค้าไทย-จีนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 มีมูลค่าการค้าระหว่างกันกว่า 59,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ทั้งปี 2559 อยู่ที่ 77,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งเม็ดเงินการค้า ไทย-จีนนั้นกว่า 25% เกิดขึ้นในมณฑลกวางตุ้ง คิดเป็นมูลค่ากว่า 14,050 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560)

ดังนั้น ธนาคารกสิกรไทยจึงใช้โอกาสได้รับอนุมัติจัดตั้งเป็นธนาคารพาณิชย์ท้องถิ่นจดทะเบียนในจีน ทำความร่วมมือกับกรมพาณิชย์แห่งมณฑลกวางตุ้ง โดยจัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมพาณิชย์แห่งมณฑลกวางตุ้งและธนาคารกสิกรไทย ในความร่วมมือและอำนวยความสะดวกระหว่างภาคธุรกิจจากมณฑลกวางตุ้งที่สนใจเข้าใจลงทุนในไทยเนื่องจากปัจจุบันภาคธุรกิจมีแนวโน้มที่จะเข้ามาลงทุนในไทยเพื่อใช้เป็นฐานในการทำการค้าในภูมิภาค AEC และภาคธุรกิจไทยที่สนใจเข้ามาลงทุนและทำการค้าในเขตภาคใต้ของประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันเป็นแหล่งการค้าสำคัญของภาคธุรกิจไทย

ด้านนายเจิ้ง เจี้ยนหลง อธิบดีกรมพาณิชย์แห่งมณฑลกวางตุ้ง กล่าวว่า มณฑลกวางตุ้งและไทยถือว่ามีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้งในมุมของการลงทุน นักลงทุนจากกวางตุ้งเป็นนักลงทุนจีนในไทยที่ใหญ่ที่สุดด้วยมูลค่ากว่า 390 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือแม้กระทั่งการเชื่อมโยงด้านวัฒนธรรม เนื่องจากชาวจีนเชื้อสายแต้จิ๋วในกวางตุ้งคิดเป็น 79% ของชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศไทย เปรียบไทยและกวางตุ้งเป็นเสมือนเมืองพี่เมืองน้อง การร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ไทย-จีนไปอีกหนึ่งขั้นในมิติของการค้าการลงทุนผ่านแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ พร้อมสร้างเครือข่ายทางธุรกิจระหว่างกัน

ทั้งนี้ ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีเครือข่ายการให้บริการต่างประเทศ ครอบคลุม AEC+3 และประเทศอื่นๆ ทั้งสิ้น 17 แห่ง แบ่งเป็น ธนาคารท้องถิ่น 2 แห่ง ตั้งอยู่ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนมีสำนักงานใหญ่ที่เมืองเซินเจิ้น และสปป.ลาวมีสำนักงานใหญ่ที่นครเวียงจันทน์ สาขาต่างประเทศ 7 แห่ง ได้แก่ สาขาเซี่ยงไฮ้ สาขาเฉิงตู สาขาฮ่องกง สาขาย่อยหลงกั่ง สาขาพนมเปญ สาขาบ้านโพนสีนวน และสาขาหมู่เกาะเคย์แมน สำนักงานผู้แทน 8 แห่ง ได้แก่ สำนักงานผู้แทนปักกิ่ง สำนักงานผู้แทนคุนหมิง สำนักงานผู้แทนย่างกุ้ง สำนักงานผู้แทนฮานอย สำนักงานผู้แทนโฮจิมินห์ สำนักงานผู้แทนจาการ์ตา สำนักผู้แทนโตเกียว และสำนักงานผู้แทนลอสแอนเจลิส

ด้านสาธารณรัฐประชาชนจีน ปัจจุบันมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2ของโลกและยังเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ด้วยขนาดเศรษฐกิจของจีนที่คิดเป็นสัดส่วนกว่า 15% ของเศรษฐกิจโลก มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจกว่า 6.8% ในไตรมาส 3 ของปี 2560 และคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนทั้งปีนี้น่าจะอยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่า 6.7% และปัจจุปันจีนอยู่ในช่วงการดำเนินงานภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปี ฉบับที่ 13 ซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้จีนกลายเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมและการเงินของโลก ซึ่งภายใต้แผนดังกล่าวได้มีการดำเนินนโยบาย “Made in China 2025” ซึ่งจะกระตุ้นให้จีนสามารถขยายขีดความสามารถด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีของประเทศ ยกระดับผลผลิตต่าง ๆ ในห่วงโซ่การผลิต ผลักดันแบรนด์ “Made in China” ให้เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก นโยบายนี้จะเน้นการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมการผลิต เช่น สินค้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมไอที ไฮเทคโนโลยีและกลุ่มฟินเทค 

แม้ว่าปัจจุบันจีนจะมีบริษัทฟินเทคยูนิคอร์น (กิจการที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพียง 8 แห่ง เมื่อเปรียบเทียบกับสหรัฐอเมริกาที่มียูนิคอร์น 12 แห่ง แต่มูลค่าบริษัทฟินเทคยูนิคอร์นของจีนขณะนี้ได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 96.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้บริษัทฟินเทคยูนิคอร์นของจีนมีมูลค่าสูงที่สุดในโลก